tag:blogger.com,1999:blog-37144164841353596612024-02-20T00:48:28.237-08:00ปิงปองปิงปองhttp://www.blogger.com/profile/00451199128282604917noreply@blogger.comBlogger7125tag:blogger.com,1999:blog-3714416484135359661.post-53736614938849169562012-03-16T00:25:00.001-07:002012-03-16T00:25:29.507-07:00การเล่นปิงปอง<div align="center">
<a class="image" href="http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E:Pingpong.jpg" title="ภาพ:Pingpong.jpg"><img alt="ภาพ:Pingpong.jpg" height="259" longdesc="/wiki/index.php/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E:Pingpong.jpg" src="http://www.panyathai.or.th/wiki/images/Pingpong.jpg" width="400" /></a></div>
<br /> <b>ปิงปอง</b> หรือ <b>กีฬาเทเบิลเทนนิส</b> คือ กีฬาชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยมไปทั่วโลกทั้งในอดีตและปัจจุบัน ประเทศไทยได้มีการจัดตั้งสมาคมเทเบิลเทนนิสสมัครเล่นแห่งประเทศไทยขึ้นโดยถูกต้องตามกฏหมายและมีการแข่งขันของสถาบันต่างๆ หรือการแข่งขันชิงแชมป์ถ้วยพระราชทานแห่งประเทศไทย <br />
<br />
<a href="" name=".E0.B8.9B.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B8.A7.E0.B8.B1.E0.B8.95.E0.B8.B4.E0.B8.9B.E0.B8.B4.E0.B8.87.E0.B8.9B.E0.B8.AD.E0.B8.87"></a><h2>
<span class="editsection">[<a href="http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php?title=%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%87&action=edit&section=1" title="Edit section: ประวัติปิงปอง">แก้ไข</a>]</span> <span class="mw-headline">ประวัติปิงปอง </span></h2>
ที่มาของกีฬา <b>ปิงปอง</b> หรือ <b>เทเบิลเทนนิส</b> (Table tennis) ยังไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัด ไม่มีประวัติความเป็นมาในสมัยโรมันหรือกรีกเช่นเดียวกับกีฬาประเภทอื่น แม้<a href="http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A2" title="รัสเซีย">รัสเซีย</a>ก็เคยอ้างว่าเป็นผู้คิดค้นมาก่อนใคร แต่อังกฤษอ้างว่าตนเป็นต้นกำเนิดแล้วก็ไม่มีใครไปคัดค้าน แต่มีผู้สันนิษฐานว่ามีที่มาเช่นเดียวกับลอนเทนนิส แต่แหล่งกำเนิดยังเป็นที่สงสัย Frank Monke ได้เขียนแนะนำไว้โดยให้ข้อสันนิษฐานว่ากำเนิดมาจากกีฬา 2 ชนิดคือ <br />
1. กีฬาในร่มของเทนนิส เริ่มเล่นครั้งแรกในรัฐแมสซาชูเซตส์ ราวศตวรรษที่ 19 ( พ.ศ. 2433) <br />
2. สันนิษฐานว่าเริ่มเล่นในอินเดีย โดยทหารอังกฤษได้นำมาเล่นเป็นกีฬากลางแจ้ง การเล่นจะใช้ไม้กระดานเป็นตาข่ายแบ่งแดน บ้างก็ว่ากำเนิดมาจากแอฟริกาใต้ แต่ที่หาหลักฐานได้คือ อังกฤษมีการโฆษณาเกี่ยวกับอุปกรณ์การเล่นเทเบิลเทนนิสชายในหนังสือกีฬาของอังกฤษเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2423 แต่ลูกที่ใช้ในสมัยนั้น ( พ.ศ. 2393) ใช้ลูกบอลทำด้วยไม้ก๊อกหรือยางแข็ง ซึ่งแข็งเกินไป <br />
จากการศึกษาค้นคว้าการริเริ่มของกีฬาเทเบิลเทนนิส โดยพิจารณาถึงจุดร่วมกันของ<a href="http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%AA" title="เทเบิลเทนนิส">เทเบิลเทนนิส</a> เทนนิส และแบดมินตัน จะเห็นได้ว่ากีฬาเทเบิลเทนนิสมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับการพัฒนาของ<a class="new" href="http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php?title=%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%AA&action=edit" title="เทนนิส">เทนนิส</a>มากกว่ากีฬาประเภทอื่นๆ หลังศตวรรษที่ 19 เทเบิลเทนนิสเล่นกันในห้อง (ในที่ร่ม) ต่อมาได้มีผู้ประดิษฐ์ไม้ยางชนิดหนึ่งขึ้นมา จึงเล่นกันกลางแจ้ง แต่ถ้าเมื่อใดอากาศไม่ดีก็กลับมาเล่นในห้องอีก จึงเรียกกันว่า <b>เทเบิลเทนนิสขนาดเล็ก</b> <br />
แม้จะมีคนคิดปิงปองขึ้นมาเป็นแบบย่อของกีฬาเทนนิส เมื่อใกล้จะสิ้นศตวรรษที่แล้วก็ตาม แต่ความจริงแล้ว เทเบิลเทนนิสเคยเป็นกีฬาประจำราชสำนักในสมัยศตวรรษที่ 12 เราไม่ทราบว่าใครเป็นผู้คิดค้นกีฬาชนิดนี้มาให้เราเล่นจนกระทั่งทุกวันนี้ แม้แต่ประเทศต้นกำเนิดดั้งเดิมทั้งอังกฤษ สหรัฐอเมริกา รวมทั้งอินเดีย และแอฟริกาใต้ ล้วนแต่ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่เกิดกีฬาชนิดนี้ แต่ก็มีคนส่วนมากยอมรับว่าปิงปองเริ่มมีครั้งแรกในอังกฤษ เพราะแม้แต่คนที่กล่าวว่าเทเบิลเทนนิสเริ่มเล่นในอินเดียและแอฟริกาใต้เป็นครั้งแรก ยังเห็นพ้องกันว่าทหารอังกฤษที่ประจำอยู่ที่นั่นอาจจะมีส่วนนำปิงปองเข้ามายังประเทศทั้งสอง <br />
<div align="center">
<a class="image" href="http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E:England_pp.gif" title="ภาพ:England_pp.gif"><img alt="ภาพ:England_pp.gif" height="306" longdesc="/wiki/index.php/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E:England_pp.gif" src="http://www.panyathai.or.th/wiki/images/England_pp.gif" width="400" /></a></div>
<center>การเล่นกีฬาปิงปองในอังกฤษสมัยก่อน</center><br /> ด้วยกฎเกณฑ์ง่ายๆ วัสดุที่มีราคาถูก และประกอบได้อย่างง่ายดายทำให้กีฬาเทเบิลเทนนิสได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ทั้งในพระราชฐาน และตามท้องถนน <b>พระเจ้ายอร์จที่ 6 แห่งประเทศ<a class="new" href="http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php?title=%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9&action=edit" title="อังกฤษ">อังกฤษ</a></b> ทรงโปรดฯ ให้ตั้งโต๊ะปิงปองขึ้นในพระราชวังบัคกิ้งแฮม และในสมัยเริ่มสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ทรงจัดหากีฬาชนิดนี้ไว้ให้พระราชธิดา (เจ้าฟ้าหญิงเอลิซาเบธ) ได้สนุกสนานที่พระราชวังบัลมอรอลเช่นเดียวกับพระเจ้ายอร์จที่ 6 พระเจ้าซาร์แห่งปอเซีย บัณฑิตเนห์รูแห่งอินเดีย และกษัตริย์ฟารุคแห่งอียิปต์ ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้ส่งเสริมกีฬาทั้งนั้น นักกีฬาทุกประเภทได้ยอมรับว่า ปิงปองเป็นทางวิเศษที่จะกำหนดกีฬาเฉพาะตัวของเขา เพราะปิงปองรวมเอาคุณสมบัติต่างๆ เข้าด้วยกัน ปิงปองให้ทั้งความคล่องตัวในการเล่น ทำให้ฟุตเวิร์กดีและมีความฉับไวทั้งในการบุกและความรู้สึกสนองตอบในการรับที่รวดเร็ว รวมกันแล้วจึงทำให้ปิงปองกลายเป็นกีฬาที่ก่อให้เกิดความร่าเริงมากที่สุด นักจิตวิทยาทางอุตสาหกรรม ได้เน้นให้เห็นความสำคัญของกีฬาชนิดนี้ที่ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของคนสูงขึ้น เขากล่าวว่า หลังจากได้เล่นเทเบิลเทนนิสสักเกมแล้ว คนงานก็จะกลับไปทำงานด้วยความสดชื่น และด้วยพละกำลังที่เพิ่มขึ้นอย่างประหลาด เทเบิลเทนนิสจึงได้รับการพิจารณาว่าเป็นวิธีที่มีคุณค่าที่สุดที่จะทำให้สายตาและจิตใจสัมพันธ์กันได้ดีมากขึ้น <br />
เมื่อเริ่มมีการเล่นใหม่ๆ เทเบิลเทนนิสเป็นกีฬาที่เล่นในห้องรับแขกในสมัยพระนางเจ้าวิคตอเรีย วัสดุที่ใช้ในสมัยนั้นส่วนมากเป็นวัสดุที่ทำขึ้นเอง โดยมิได้เตรียมมาก่อน ลูกปิงปองทำจากเส้นด้าย ใช้หนังสือวางบนโต๊ะแทนตาข่าย ไม้ตีก็ตัดจากกระดาษแข็งหนาๆ ซึ่งหนังสือเก่าๆ ที่เกี่ยวกับกีฬาประเภทนี้ได้แนะนำว่าห้องที่ใช้เล่นปิงปองควรจะตกแต่งอย่างโปร่งๆ และเครื่องอุปกรณ์ที่มีอยู่ ควรจะปกปิดไม่ให้เกิดการสึกหรอหรือฉีกขาด <br />
ในไม่ช้าวงการค้าเริ่มมองเห็นโอกาสที่จะหาผลประโยชน์จากเครื่องเล่นชนิดนี้ และเริ่มต้นผลิตวัสดุในการเล่นที่เหมาะสมกว่าที่เคยทำกันเองในขณะนั้น การแข่งขันระหว่างบริษัทผู้ผลิตก่อให้เกิดการตื่นตัวในกีฬาประเภทนี้อย่างมากมาย บริษัทที่กล่าวกันว่าเป็นบริษัทแรกที่เริ่มพัฒนากีฬาที่เรียกว่า <b>เทเบิลในร่ม</b> คือบริษัท <b>Parker Brothers of Salem</b> แห่งเมืองแมสซาชูเซตส์ เป็นบริษัทอเมริกันที่ผลิตสินค้ากีฬาทุกชนิด และได้ส่งสินค้าเข้าไปขายในอังกฤษ <br />
ลูกปิงปองที่ผลิตขึ้นในลักขณะนั้นทำด้วยยางหรือไม้ก๊อก หรือมักจะหุ้มด้วยยางหรือผ้า เพื่อป้องกันมิให้เกิดอันตรายกับโต๊ะ และให้ลูกปิงปองหมุน รูปร่างและวัสดุที่ใช้ยังคงแตกต่างกันออกไปเรื่อยๆ ซึ่งตามความจริงแล้วไม่เคยมีขนาดมาตรฐานเลย มีด้ามยาว และส่วนที่ใช้ตีนั้นข้างในจะกลวง และหุ้มด้วยแผ่นหนัง ทำให้รูปร่างคล้ายกลองเล็กๆ ตาข่ายที่ใช้จะขึงข้ามโต๊ะระหว่างเก้าอี้ 2 ตัว เกมหนึ่งๆ จบลงเมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดของผู้เล่นได้แต้ม 21 แต้ม ซึ่งกฎข้อนี้ยังไม่เคยเปลี่ยนจนปัจจุบันนี้ <br />
การนำลูกปิงปองที่ข้างในกลวง ซึ่งทำด้วย<b>เซลลูลอยด์</b> (Celluloid) มาใช้ทำให้การเล่นปฏิวัติไปโดยสิ้นเชิง ลูกปิงปองแบบใหม่ให้กำลังในการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์ มีความแม่นยำสูง ส่วนความผิดพลาดมีบ้างเล็กน้อย ต่อมาอังกฤษเริ่มปรับปรุงการเล่นเทเบิลเทนนิสเป็นครั้งแรก และมีนักเทเบิลเทนนิสชาวอังกฤษชื่อ <b>Janes Gibb</b> ได้เดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกาและบังเอิญได้พบลูกบอลสีต่างๆ ซึ่งเด็กๆ ใช้เป็นของเล่น เมื่อเขากลับประเทศอังกฤษจึงนำมาใช้กับเทเบิลเทนนิส และพบว่ามีประโยชน์มาก เมื่อนักธุรกิจได้เห็นจึงยอมรับความสำคัญของมันในทันที และเริ่มผลิตออกจำหน่าย จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และผลักดันให้กีฬาประเภทนี้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น <br />
การแข่งขันอย่างมากมายทางการค้าทำให้บริษัทต่างๆ จดทะเบียนผลิตภัณฑ์ของตน และมีการตั้งชื่อเรียกสินค้าอย่างหรูหรา ซึ่งปัจจุบันได้ล้มเลิกไปหมดแล้ว เช่น กอสสิมา วิฟท์เว็ฟท์ และฟลิม-แฟลม การเรียกชื่อ <b>"ปิงปอง</b>" นี้เลียนแบบมาจากเสียงซึ่งเกิดจากไม้ตีที่มีขนาดเล็ก และยาวขึ้นด้วยหนังลูกวัวทั้งสองด้าน เมื่อใช้ไม้ตีลูกเซลลูลอยด์จะมีเสียงดัง <b>"ปิง"</b> และเมื่อลูกตกลงกระทบพื้นจะมีเสียงดัง <b>"ปอง"</b> หลังจากนั้นเมื่อมีการปรับปรุงไม้ตี เสียงที่กระทบพื้นจะเปลี่ยนแปลงไป และเมื่อกีฬาชนิดนี้นิยมเล่นกันอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น จึงเปลี่ยนจากชื่อเดิมเป็นเทนนิสบนโต๊ะ หรือเทเบิลเทนนิส <br />
เมื่อประชาชนเริ่มตื่นเต้นและนิยมเล่นปิงปองกันอย่างมาก ทั้งในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษได้มีการติดตั้งอุปกรณ์การเล่นทั่วๆ ไป ซึ่งหลักจากนั้นคนก็เริ่มเบื่อกีฬาที่เรียกว่า <b>ปิงปอง วิฟท์ เว็ฟท์</b> จนไม่มีใครเล่นอีก ต่อมา<b> Mr. E.C. Good </b>แห่งกรุงลอนดอน เป็นผู้ทำให้ปิงปองกลับมาเป็นที่นิยมเล่นกันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเขาเปลี่ยนมาสนใจเทเบิลเทนนิสโดยกะทันหัน เพราะเขามีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง จึงหาวิธีการที่จะบรรเทาอาการโดยที่ใจยังจดจ่อกับการเล่นปิงปองอยู่ เขาจึงไปซื้อยาที่ร้านขายยาและในขณะที่เขาจ่ายเงินค่ายาได้สังเกตเห็นแผ่นยางที่ตอกติดอยู่บนพื้นเคาน์เตอร์ ทำให้เกิดความคิดว่า ถ้านำยางแผ่นนี้ไปวางบนผิวไม้ตีปิงปองคงจะทำให้ควบคุมลูกได้ดีมากขึ้น เขาจึงได้ซื้อแผ่นยางไปจากร้านขายยา ตัดให้ได้สัดส่วนกับไม้แล้วก็ติดกาว เขาเริ่มต้นฝึกหัด และได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความพิเศษของเครื่องมือที่ปรับปรุงขึ้นมาใหม่ ทำให้เขาสามารถเข้าถึงรอบสุดท้ายของการแข่งขันนานาชาติ โดยชนะแชมป์เทเบิลเทนนิสของอังกฤษ และตามตำนานก็กล่าวว่าเขาชนะถึง 50 ต่อ 3 เกม <br />
<br />
<a href="" name=".E0.B8.81.E0.B8.B2.E0.B8.A3.E0.B9.80.E0.B8.AA.E0.B8.A3.E0.B8.B4.E0.B8.9F.E0.B9.83.E0.B8.99.E0.B8.81.E0.B8.B5.E0.B8.AC.E0.B8.B2.E0.B8.9B.E0.B8.B4.E0.B8.87.E0.B8.9B.E0.B8.AD.E0.B8.87"></a><h2>
<span class="editsection">[<a href="http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php?title=%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%87&action=edit&section=2" title="Edit section: การเสริฟในกีฬาปิงปอง">แก้ไข</a>]</span> <span class="mw-headline">การเสริฟในกีฬาปิงปอง </span></h2>
<div align="center">
<a class="image" href="http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E:Serve.jpg" title="ภาพ:Serve.jpg"><img alt="ภาพ:Serve.jpg" height="405" longdesc="/wiki/index.php/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E:Serve.jpg" src="http://www.panyathai.or.th/wiki/images/Serve.jpg" width="317" /></a></div>
<br /> ลูกเสริฟถือเป็นหัวใจที่สำคัญอันดับแรก ในการที่จะทำคะแนนให้กับเรา ลูกเสริฟถือเป็นหัวใจสำคัญอันดับแรกในการเล่นเทเบิลเทนนิส เพราะ นักกีฬาทุกคนเมื่อแข่งขันจะต้องทำการเสริฟกันทุกคน เราจะสังเกตความสำคัญของลูกเสริฟได้จากกีฬาเทนนิส ซึ่งในระดับโลกปัจจุบันจะเห็นว่า ลูกเสริฟลูกแรก นักกีฬาที่เป็นฝ่ายเสริฟ พยายามที่จะเสริฟให้ได้คะแนนทันทีเลย ที่เราเรียกกันว่า <b>"ลูกเอส"</b> เพราะนักกีฬาคนนั้นจะได้คะแนนโดยง่าย และไม่ต้องเสียเวลาและเสียแรงในการตีโต้กันแต่หากในเกมส์กีฬาปิงปองแล้ว หากนักกีฬาคนใด สามารถเสริฟแล้วคู่ต่อสู้รับไม่ได้คือ รับติดเน็ต หรือ รับออกไปเลย หรือ รับได้แต่รับกลับไปไม่ดี ทำให้คู่ต่อสู้บุกกลับมาได้ง่าย หากเราเสริฟได้แบบนี้ จะดีไหม? คำตอบคงบอกว่า ดีแน่นอน ซึ่งในความจริงของกีฬาปิงปองแล้ว ลูกเสริฟถือเป็นหัวใจที่สำคัญอันดับแรกที่นักกีฬาจะต้องพยายามพัฒนาลูกเสริฟของเราให้มีประสิทธิภาพให้ได้ เพราะหากลูกเสริฟเรามีประสิทธิภาพแล้ว เกมส์ปิงปองของเราจะเหนือกว่าคู่ต่อสู้ขึ้นได้อีกระดับหนึ่งเลยทีเดียว <br />
<br />
<a href="" name=".E0.B8.81.E0.B8.B2.E0.B8.A3.E0.B8.88.E0.B8.B1.E0.B8.9A.E0.B9.84.E0.B8.A1.E0.B9.89"></a><h2>
<span class="editsection">[<a href="http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php?title=%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%87&action=edit&section=3" title="Edit section: การจับไม้">แก้ไข</a>]</span> <span class="mw-headline">การจับไม้ </span></h2>
ยังมีการเล่นและจับไม้พอจำแนกออกเป็น 3 ลักษณะดังนี้ <br />
<div align="center">
<a class="image" href="http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E:Tbl-tnns.jpg" title="ภาพ:Tbl-tnns.jpg"><img alt="ภาพ:Tbl-tnns.jpg" height="267" longdesc="/wiki/index.php/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E:Tbl-tnns.jpg" src="http://www.panyathai.or.th/wiki/images/Tbl-tnns.jpg" width="400" /></a></div>
<br />1. <b>การจับไม้ เป็นการจับแบบจับมือ</b> <br />
2. <b>ไม้ต้องติดยางเม็ด</b> <br />
3. วิธีการเล่นเป็นวิธีพื้นฐาน คือ การรับเป็นส่วนใหญ่ ยุคนี้ยังจัดได้ว่าเป็น <b>“ยุคของยุโรป”</b> อีกเช่นเคย <br />
ในปี ค.ศ. 1950 จึงเริ่มเป็นยุคของญี่ปุ่นซึ่งแท้จริงมีลักษณะพิเศษประจำดังนี้คือ <br />
1. การตบลูกแม่นยำและหนักหน่วง <br />
2. การใช้จังหวะเต้นของปลายเท้า <br />
ในปี ค.ศ. 1952 ญี่ปุ่นได้เข้าร่วมการแข่งขันเทเบิลเทนนิสโลกเป็นครั้งแรก ที่กรุงบอมเบย์ ประเทศอินเดีย และต่อมาปี ค.ศ. 1953 สาธารณรัฐประชาชนจีน จึงได้เข้าร่วมการแข่งขันเป็นครั้งแรกที่กรุงบูคาเรสต์ ประเทศรูมาเนีย จึงนับได้ว่ากีฬาปิงปองเป็นกีฬาระดับโลกที่แท้จริงปีนี้นั่นเอง <br />
ในยุคนี้ญี่ปุ่นใช้การ <b>จับไม้แบบจับปากกา</b> ใช้วิธีการเล่นแบบรุกโจมตีอย่างหนักหน่วงและรุนแรง โดยอาศัยอุปกรณ์เข้าช่วย เป็นยางเม็ดสอดไส้ด้วยฟองน้ำเพิ่มเติมจากยางชนิดเม็ดเดิมที่ใช้กันทั่วโลก <br />
<br />ขอขอบคุณข้อมูลจาก <br />
<a class="external text" href="http://th.kapook.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%87" rel="nofollow" title="http://th.kapook.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%87">- Kapook แสนรู้</a> <br />
<a class="external text" href="http://mrpingpong.blogspot.com/2005/07/blog-post.html" rel="nofollow" title="http://mrpingpong.blogspot.com/2005/07/blog-post.html">- Blog : Mr.Pingpong</a> <br />
<a class="external text" href="http://donicofsora.spaces.live.com/Blog/cns!AA26C3C774F35AFE!155.entry" rel="nofollow" title="http://donicofsora.spaces.live.com/Blog/cns!AA26C3C774F35AFE!155.entry">- Blog : Mr.Yasaka</a> <br />
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต <br />
<!-- Saved in parser cache with key panyathai_wiki:pcache:idhash:6999-0!1!0!!th!2 and timestamp 20100426215007 --><div class="printfooter">
Retrieved from "<a href="http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%87">http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%87</a>"</div>
<div id="catlinks">
<div class="catlinks">
<a href="http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9:Categories" title="พิเศษ:Categories">ประเภทของหน้า</a>: <span dir="ltr"><a href="http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B9%88:%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%AC%E0%B8%B2" title="หมวดหมู่:กีฬา">กีฬา</a></span></div>
</div>
<!-- end content --><div class="visualClear">
</div>
<!-- end --><!-- end maincontent -->ปิงปองhttp://www.blogger.com/profile/00451199128282604917noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3714416484135359661.post-86517774856439036472012-03-16T00:05:00.003-07:002012-03-16T00:05:55.907-07:00ลูกปิงปองทำมาจากวัสดุ<div class="content">
ลูกปิงปองทำจากเซลลูลอยด์(Celluloid Balls)<br /><br />ประวัติกีฬาเทเบิลเทนนิส หรือ ปิงปอง<br /> <span class="goog_qs-tidbit goog_qs-tidbit-0">จากการศึกษาประวัติยังไม่ทราบแน่ชัดว่าใครเป็นผู้คิดค้นกีฬาชนิดนี้ขึ้นมา</span> และไม่ทราบว่าต้นกำเนิดนั้นมาจากประเทศใด เพราะมีหลายประเทศ เช่น อังกฤษ อเมริกา อินเดีย และแอฟริกาใต้ ก็อ้างว่ามาจากประเทศเหล่านี้ แต่ส่วนใหญ่ยอมรับว่าเริ่มขึ้นครั้งแรกใน ประเทศอังกฤษ เพราะมีหลักฐานว่าทหารอังกฤษที่ประจำอยู่ในประเทศ อินเดียและแอฟริกาใต้ นำมาเล่นกันและอีกหลักฐานหนึ่งคือ เคยเป็นกีฬาประจำราชสำนักอังกฤษในสมัยศตวรรษที่ 12 เนื่องจากเทเบิลเทนนิส เป็นกีฬาที่มีกฏเกณฑ์น้อย ใช้อุปกรณ์ที่หาง่าย ราคาถูก และเล่นง่ายจึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจากคนทุกระดับ<br /><br /> <span class="goog_qs-tidbit goog_qs-tidbit-1">ในประเทศอังกฤษสมัยพระเจ้ายอร์จที่ 6 ถึงกับทรงโปรดให้ตั้งโต๊ะเทเบิลเทนนิสขึ้นในพระราชวังบัคกิ้งแฮม</span> และในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ทรงจัดกีฬาเทเบิลเทนนิสนี้ไว้ให้พระธิดา (เจ้าฟ้าหญิงอลิซาเบธ) ได้ทรงเล่นเป็นที่สนุกสนานในพระราชวังบัลมอรอล นอกจากนี้พระเจ้าซาร์แห่งเปอร์เซียบัณฑิตเนรูห์แห่งอินเดียและกษัตริย์ฟาร์คแห่งอิยิปต์ในอดีตต่างก็ทรงส่งเสริมกีฬาเทเบิลเทนนิสกันทั้งสิ้น<br /><br />จากหนังสือประวัติกีฬาของ Frank Menke ได้ให้ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับกำเนิดของเทเบิลเทนนิสไว้ 2 ประการ คือ<br /> 1. อาจเป็นกีฬาในร่มของเทนนิสซึ่งได้เริ่มเล่นเป็นครั้งแรกในมลรัฐแมสซาชูเซ็ต ประมาณปี ค.ศ. 1890<br /> 2. สันนิษฐานว่านายทหารชาวอังกฤษซึ่งไปประจำอยู่ที่ประเทศอินเดียได้เคยเล่นกีฬาเทเบิลเทนนิสเป็นกีฬากลางแจ้งมาก่อน และอีก<br /><br />ความเห็นหนึ่งคือ เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศแอฟริกาใต้ และบ้างก็ว่าเกิดขึ้นในประเทศจีน<br /><br /> สำหรับคำว่า เทเบิล เทนนิส (Table Tennnis) นั้นคิดตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นทางการในศตวรรษที่ 20 ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1880 เกมส์การเล่นในสมัยนั้นเรียกว่า Gossima เนื่องจากสมัยนั้นใช้ไม้ก๊อกหรือยางแข็งเป็นลูกเทเบิลเทนนิสเกมส์นี้จึงเป็นที่ยอมรับและเป็นที่นิยมเล่นประมาณปี ค.ศ. 1890 ต่อมาในปี ค.ศ. 1900 Mr. James Gibbชาวอังกฤษ ได้ใช้เซลลูลอยด์(Celluloid Balls) ทำเป็นลูกเทเบิลเทนนิสแทน สาเหตุจากการใช้ลูกเซลลูลอยด์แทนไม้ก๊อกหรือยางนี้เองจึงทำให้เกิดชื่อเกมส์เรียก ปิงปองขึ้น เพราะเสียงลูกบอลกระทบไม้ตี (Ping)และพื้นโต๊ะ (Pong) การเล่นจึงแพร่หลายมากขึ้นในปี ค.ศ. 1902<br /><br />ชาวอังกฤษชื่อ Mr. E.C. Good ได้คิดค้นประดิษฐ์ไม้ตีหุ้มด้วยแผ่นยางและทำให้การเล่นสนุกสนานมากขึ้น<br /><br /> ราวต้นศตวรรษที่ 20 กีฬาปิงปองเป็นที่นิยมแพร่หลายมากในประเทศยุโรป ปี ค.ศ. 1920 ประเทศในยุโรปพร้อมใจกันเปลี่ยนชื่อกีฬาปิงปองเป็นกีฬาเทเบิลเทนนิส ปี ค.ศ. 1921 ประเทศอังกฤษได้ตั้งสมาคมเทเบิลเทนนิส ต่อมาในปี ค.ศ. 1926เดือนมกราคม ตัวแทนกว่า 30 ประเทศได้มีการประชุมสัมมนาขึ้น ณ กรุงบอร์นประเทศเยอรมันตะวันตก และที่ประชุมมีมติจัดตั้งสหพันธ์เทเบิลเทนนิสนานาชาติ Internationals Table Tennis Federation : ITTF และแต่งตั้งให้เซอร์ มองตากู ดำรงตำแหน่งเป็นประธานของสหพันธ์เป็นคนแรกและเป็นประธานติดต่อกันถึง 4 สมัย โดยมีสถานที่ตั้งสหพันธ์ฯ อยู่ในประเทศอังกฤษ ปัจจุบันมีประเทศสมาชิกสหพันธ์ฯ ร้อยกว่าประเทศจาก 5 ทวีป และในปีเดียวกันในเดือนธันวาคม จัดให้มีการแข่งขันชนะเลิศของโลกเป็นครั้งแรกที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ<br /><br /> บริษัทผู้ผลิตวัสดุอุกปรณ์กีฬาเทเบิลเทนนิสขึ้นเป็นบริษัทแรกคือ ปาร์เกอร์ บาร์เธอร์ส ออฟซาเล็ม แห่งรัฐแมสซาชูเซ็ตในสหรัฐอเมริกา และส่งอุปกรณ์กีฬาเทเบิลเทนนิสที่ผลิตขึ้นไปขายในประเทศอังกฤษ<br /><br />"สเวย์ลิ่ง คัพ" (Swetling Cup)<br /> เป็นรางวัลสำหรับผู้ชนะซึ่งถ้วยรางวัลนี้ได้กลายเป็นรางวัลนานาชาติที่นักตีเทเบิลเทนนิสต่างก็มุ่งหวังที่จะครอบครองกันในทุกวันนี้ ปัจจุบันอังกฤษไม่ได้รับตำแหน่งแชมป์เปี้ยนในกีฬาประเภทนี้ดังเช่นในอดีตประเทศที่มีชื่อเสียงได้แก่ อเมริกา เช็คโกสโลวาเกีย ฮังการี (ได้เป็นแชมป์เปี้ยนกีฬาโลกหลายสมัย สามารถ คว้าตำแหน่งแชมป์เปี้ยนโลกไว้ได้ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2469-2496) ต่อมาเมื่อกีฬาเทเบิลเทนนิสได้แพร่หลายเข้าสู่ทวีปเอเชีย นักกีฬาเทเบิลเทนนิสจากเอเชีย <span class="goog_qs-tidbit goog_qs-tidbit-2">ก็ได้พัฒนาวิธีการเล่น เช่น ประเทศญี่ปุ่นได้ครองแชมป์เปี้ยนโลกในกีฬาประเภทนี้ ถึง 5 สมัย</span> จากการแข่งขันแชมป์เปี้ยนโลกครั้งที่ 21-25 แต่ภายหลังจากนั้นเมื่อประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ให้ความสนใจและสนับสนุน</div>
<div class="content">
</div>
<em>ที่มาจาก : http://th.answers.yahoo.com/question/index?qid=20080619045848AAi1ug1</em>ปิงปองhttp://www.blogger.com/profile/00451199128282604917noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3714416484135359661.post-30676259895165078702012-03-04T23:20:00.000-08:002012-03-04T23:20:02.744-08:00การเล่นปิงปองสำหรับผู้เริ่มต้นการเล่นปิงปองสำหรับผู้เริ่มต้น<br />
<div align="justify">
<span style="color: #6600ff; font-family: Ms sans serif, sans-serif; font-size: small;">ท่านทราบหรือไม่ว่า…ตำแหน่งเริ่มต้นบนหน้าไม้ปิงปองของเราในการตีลูกความหมุนลักษณะต่างๆ ล้วนแต่มีความหมายทั้งสิ้น…………</span></div>
<div align="justify">
<span style="color: #6600ff; font-family: Ms sans serif, sans-serif; font-size: small;">ถึง แม้ว่าหน้าไม้ปิงปองจะมีขนาดที่เล็ก แต่จุดต่างๆ บนหน้าไม้ที่มีขนาดเล็กนี้ ล้วนมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะแต่ละจุดเหล่านี้ หากใช้ในการสัมผัสลูกปิงปองให้ถูกต้อง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับลูกปิงปองเมื่อเราตีออกไปเป็นอย่างมาก การให้ความสำคัญกับจุดต่างๆ บนหน้าไม้เหล่านี้ นักกีฬาที่มีฝีมือสูงๆ จะให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อเรามีเคล็ดลับที่สำคัญเหล่านี้ เราจึงควรที่จะเริ่มฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ ซึ่งการฝึกฝนการตีลูกปิงปองให้ตรงตามตำแหน่งบนหน้าไม้ปิงปองนี้ ไม่สามารถทำได้เพียง 1 วัน หรือ 2 วัน แต่จะต้องปฎิบัติเป็นประจำ อาจจะเป็นเดือน เป็นปี และ ต้องปฏิบัติตลอดไปจนกว่าท่านจะเลิกเล่นปิงปอง</span></div>
<div align="justify">
<span style="color: #6600ff; font-family: Ms sans serif, sans-serif; font-size: small;">การ ตีลูกให้ถูกตำแหน่งบนหน้าไม้ปิงปองนี้ ก็เพื่อที่จะให้ลูกปิงปองที่ตีออกไปมีความหมุนมากที่สุด การที่จะให้ลูกปิงปองมีความหมุนมาก จะต้องใช้พื้นที่บนหน้าไม้ปิงปองซึ่งเป็นตำแหน่งที่แรงที่เราได้ออกแรงไป จะออกจากหน้าไม้ปิงปองบริเวณดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นในการตีลูกปิงปอง ลูกปิงปองจะมีความหมุนมากที่สุดตามมา</span></div>
<div align="left">
<span style="color: #6600ff; font-family: Ms sans serif, sans-serif; font-size: small;">ต่อไปนี้จะเป็นตำแหน่งเริ่มต้นสำหรับการตีลูกปิงปองบนหน้าไม้ปิงปองที่สำคัญๆ เพื่อตีลูกปิงปองในลักษณะความหมุนชนิดต่างๆ</span></div>
<div align="center">
<span style="font-size: x-small;"><strong>ด้านโฟร์แฮนด์</strong></span></div>
<div align="center">
<img alt="" src="http://www.pingpongnon.com/images/bank/Article/area1001.jpg" /></div>
<div align="center">
<span style="color: red; font-family: Ms sans serif, sans-serif; font-size: small;">ตำแหน่งที่ 1 สำหรับตีลูก TOP SPIN (ลูกหมุนไปข้างหน้า)</span></div>
<div align="center">
<span style="color: red; font-family: Ms sans serif, sans-serif; font-size: small;">ตำแหน่งที่ 2 สำหรับตีลูก BACK SPIN (ลูกตัด)</span></div>
<div align="center">
<img alt="" src="http://www.pingpongnon.com/images/bank/Article/area2001.jpg" /></div>
<div align="center">
<span style="color: #ff0099; font-family: Ms sans serif, sans-serif; font-size: small;">ตำแหน่งที่ 3 สำหรับตีลูก SIDE SPIN (ลูกหมุนด้านข้าง)</span></div>
<div align="center">
<img alt="" src="http://www.pingpongnon.com/images/bank/Article/area3001.jpg" /></div>
<div align="center">
<span style="color: blue; font-family: Ms sans serif, sans-serif; font-size: small;">ตำแหน่งที่ 4 สำหรับตีลูก BOCK , ลูก BASIC เบื้องต้น </span></div>
<div align="center">
<span style="font-size: x-small;"><strong>ด้านแบ๊คแฮนด์</strong></span></div>
<div align="center">
<img alt="" src="http://www.pingpongnon.com/images/bank/Article/area4001.jpg" /></div>
<div align="center">
<span style="color: red; font-family: Ms sans serif, sans-serif; font-size: small;">ตำแหน่งที่ 1 สำหรับตีลูก TOP SPIN (ลูกหมุนไปข้างหน้า)</span></div>
<div align="center">
<span style="color: red; font-family: Ms sans serif, sans-serif; font-size: small;">ตำแหน่งที่ 2 สำหรับตีลูก BACK SPIN (ลูกตัดหรือลูกหมุนถอยหลัง)</span></div>
<div align="center">
<img alt="" src="http://www.pingpongnon.com/images/bank/Article/area5001.jpg" /></div>
<div align="center">
<span style="color: blue; font-family: Ms sans serif, sans-serif; font-size: small;">ตำแหน่งที่ 3 สำหรับตีลูก SIDE SPIN (ลูกหมุนด้านข้าง)</span></div>
<div align="center">
<span style="color: blue; font-family: Ms sans serif, sans-serif; font-size: small;">ตำแหน่งที่ 4 สำหรับตีลูกดีดด้านแบ๊คแฮนด์ในโต๊ะ</span></div>
<div align="center">
<img alt="" src="http://www.pingpongnon.com/images/bank/Article/area6001.jpg" /></div>
<div align="center">
<span style="color: #ff0099; font-family: Ms sans serif, sans-serif; font-size: small;">ตำแหน่งที่ 5 สำหรับตีลูก BOCK , ลูก BASIC เบื้องต้น</span></div>
<div align="justify">
<span style="color: blue; font-family: Ms sans serif, sans-serif; font-size: small;">และเมื่อเราทราบตำแหน่งบนหน้าปิงปองแล้ว ขอแนะนำเทคนิคการฝึกซ้อมดังนี้<br />1. ใช้สายตาและความรู้สึกของตนเอง มองลูกปิงปองที่มากระทบบนหน้าไม้ของเราว่า ถูกตำแหน่งหรือไม่<br />2. เมื่อมั่นใจในตำแหน่งที่ลูกมากระทบถูกต้องแล้ว ค่อยๆ เพิ่มแรง และ ความเร็วในการตีลูกออกไป<br />3. ออกแรงตีลูกในขณะที่ลูกปิงปองมาสัมผัสถูกไม้ปิงปอง</span></div>
<div align="justify">
</div>
<div align="center">
Powered by</div>
<img alt="" src="http://www.pingpongnon.com/images/bank/Article/logo-donic001.jpg" />ปิงปองhttp://www.blogger.com/profile/00451199128282604917noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3714416484135359661.post-1555213966056248202012-03-04T23:02:00.001-08:002012-03-04T23:02:25.499-08:00วิธีเสริฟลูกปิงปองวิธีเสริฟลูกปิงปอง <br />
6. การส่งที่ถูกต้อง (A GOOD SERVICE)<br />6.1 เมื่อเริ่มส่ง ลูกเทเบิลเทนนิสต้องวางเป็นอิสระอยู่บนฝ่ามืออิสระ โดยแบฝ่ามือออกและลูกจะต้องหยุดนิ่ง<br />6.2 ในการส่ง ผู้ส่งจะต้องโยนลูกขึ้นข้างบนด้วยมือให้ลูกลอยขึ้นข้างบนใกล้เคียงกับเส้นตั้งฉาก และให้สูงจากจุดที่ลูกออกจากฝ่ามือไม่น้อยกว่า 16 เซนติเมตร โดยลูกที่โยนขึ้นไปนั้นจะต้องไม่เป็นลูกที่ถูกทำให้หมุนด้วยความตั้งใจ <br />6.3 ผู้ส่ง จะตีลูกได้ในขณะที่ลูกเทเบิลเทนนิสได้ลดระดับจากจุดสูงสุดแล้ว เพื่อให้ลูกกระทบแดนของผู้ส่งก่อน แล้วข้ามหรืออ้อมตาข่ายไปกระทบแดนของฝ่ายรับ สำหรับประเภทคู่ ลูกเทเบิลเทนนิสจะต้องกระทบครึ่งแดนของผู้ส่งก่อน แล้วข้ามหรืออ้อมตาข่ายไปกระทบครึ่งแดนขวาของฝ่ายรับ <br />6.4 ตั้งแต่เริ่มส่งลูกจนกระทั่งลูกถูกตี ลูกเทเบิลเทนนิสจะต้องอยู่เหนือระดับพื้นผิวโต๊ะและอยู่หลังเส้นสกัด และจะต้องไม่ให้ถูกส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย หรือเสื้อผ้าของผู้ส่ง หรือคู่เล่นในประเภทคู่บังการมองเห็นของผู้รับ ขณะที่เทเบิลเทนนิสถูกโยนขึ้น มืออิสระของผู้ส่งจะต้องเคลื่อนออกจากบริเวณพื้นที่ระหว่างลำตัวผู้ส่งและตาข่าย (NET) (วัตถุประสงค์ของกติกาข้อนี้ ต้องการให้ผู้รับเห็นลูกเทเบิลเทนนิสตลอดเวลา ทั้งนี้ผู้ส่งหรือคู่ของผู้ส่งจะต้องไม่แสดงท่าทางที่จะเป็นการบังมองเห็นของผู้รับตลอดเวลาตั้งแต่ลูกออกจากมือของผู้ส่ง และเห็นถึงหน้าไม้ด้านที่ใช้ตีลูก)<br />6.5 เป็นความรับผิดชอบของผู้เล่นที่จะต้องให้ผู้ตัดสินหรือผู้ช่วยผู้ตัดสินเห็น และตรวจสอบถึงการส่งนั้นว่าถูกต้องตามกติกาหรือไม่<br />6.5.1 ถ้าผู้ตัดสินสงสัยในลักษณะการส่งผู้ส่งได้ลูกถูกตามกติกาในโอกาสแรกของแมทช์เดียวกันนั้น จะแจ้งให้ส่งลูกใหม่และเตือนผู้ส่งโดยยังไม่ตัดคะแนน<br />6.5.2 สำหรับในครั้งต่อไปในแมทช์เดียวกันนั้น หากผู้เล่นหรือคู่เล่นยังคงส่งให้เป็นข้อสงสัยในทำนองเดียวกัน หรือในลักษณะน่าสงสัยอื่น ๆ อีก ผู้รับจะได้คะแนนทันที<br />6.5.3 หากผู้ส่งได้ส่งลูกผิดกติกาอย่างชัดเจน ผู้ส่งจะเสียคะแนนทันที<br />6.6 ผู้ส่งอาจได้รับการอนุโลมได้บ้าง หากผู้ส่งคนนั้นแจ้งให้ผู้ตัดสินทราบถึงการหย่อนสมรรถภาพทางร่างกาย จนเป็นเหตุให้ไม่สามารถส่งได้ถูกต้องตามกติกา ทั้งนี้ต้องแจ้งให้ผู้ตัดสินทราบก่อนการแข่งขันทุกครั้ง<br /><br />อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ค่ะ<br />http://sdd.snru.ac.th/UserFiles/File/sdd/sport/tabletennis.docปิงปองhttp://www.blogger.com/profile/00451199128282604917noreply@blogger.com9tag:blogger.com,1999:blog-3714416484135359661.post-15641265284384640952012-03-04T22:54:00.001-08:002012-03-04T22:54:28.665-08:00การจับไม้ปิงปอง<strong><span style="font-family: Tahoma; font-size: large;">การจับไม้ปิงปอง</span></strong><br />
<span class="Apple-style-span" style="border-collapse: separate; color: black; font: 16px tahoma; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-indent: 0px; text-transform: none; webkit-border-horizontal-spacing: 0px; webkit-border-vertical-spacing: 0px; webkit-text-decorations-in-effect: none; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px;"><strong><u><span style="font-size: large;">วิธีการจับไม้ปิงปอง</span></u><br /><br />การจับไม้ปิงปองโดยทั่วไปจะมีวิธีการจับแบ่งออกเป็น 2 แบบ ดังนี้<br /><br />1. การจับไม้แบบสากล SHAKE HAND</strong></span><br />
<span class="Apple-style-span" style="border-collapse: separate; color: black; font: 16px tahoma; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-indent: 0px; text-transform: none; webkit-border-horizontal-spacing: 0px; webkit-border-vertical-spacing: 0px; webkit-text-decorations-in-effect: none; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px;"><div align="center">
<img align="baseline" alt="" border="0" hspace="0" src="http://w6.thaiwebwizard.com/member/Arada/images/DONIC/pic-backhand.jpg" /> <img align="baseline" alt="" border="0" hspace="0" src="http://w6.thaiwebwizard.com/member/Arada/images/DONIC/pic-forehand.jpg" /></div>
<div align="center">
แบ๊คแฮนด์ โฟร์แฮนด์<br /><br />การจับไม้ปิงปองวิธีนี้เป็นที่นิยมกันทั่วโลก มีวิธีการจับไม้ที่คล้ายกับการจับมือทักทายกันของชาวยุโรป สำหรับการจับไม้แบบนี้จะเหมาะสำหรับนักกีฬาที่ถนัดทั้งในการเล่นด้านโฟร์แฮนด์ Fore hand (หน้ามือ) และ ด้านแบ๊คแฮนด์ Back hand (หลังมือ) การจับไม้แบบสากลนี้จะเหมาะสำหรับการเล่นลูกต่างๆ ได้ง่าย โดยเฉพาะลูก TOP SPIN , BACK SPIN , SIDE SPIN ซึ่งการตีลูกต่างๆ นั้นจะไม่ฝืนธรรมชาติเหมือนกับการจับไม้แบบไม้จีน แต่การจับไม้แบบนี้มักจะมีจุดอ่อนอยู่ที่กลางลำตัวเพราะเมื่อคู่ต่อสู้ตีเข้ากลางตัว หากเพราะหากฝึกมาไม่ดีจะทำให้ตัดสินใจได้ยากว่าจะใช้ด้านใดในการตีลูก</div>
<div align="center">
<span class="Apple-style-span" style="border-collapse: separate; color: black; font: 16px tahoma; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-indent: 0px; text-transform: none; webkit-border-horizontal-spacing: 0px; webkit-border-vertical-spacing: 0px; webkit-text-decorations-in-effect: none; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px;"><img align="baseline" alt="" border="1" hspace="0" src="http://w6.thaiwebwizard.com/member/Arada/images/PINGPONGTIPS/b-a.jpg" /></span></div>
<br />
<span class="Apple-style-span" style="border-collapse: separate; color: black; font: 16px tahoma; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-indent: 0px; text-transform: none; webkit-border-horizontal-spacing: 0px; webkit-border-vertical-spacing: 0px; webkit-text-decorations-in-effect: none; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px;"><span class="Apple-style-span" style="border-collapse: separate; color: black; font: 16px tahoma; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-indent: 0px; text-transform: none; webkit-border-horizontal-spacing: 0px; webkit-border-vertical-spacing: 0px; webkit-text-decorations-in-effect: none; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px;"><b>2. การจับไม้แบบจับปากกา หรือที่เรียกกันติดปากว่า “จับแบบไม้จีน” CHINESE STYLE</b><br /><br />การจับไม้แบบนี้จะเป็นที่นิยมกันมากในนักกีฬาแถบทวีปเอเซียของเรา ได้แก่ จีน , ญี่ปุ่น , เกาหลี สำหรับนักกีฬาที่ใช้วิธีการจับไม้แบบนี้จะถนัดในการเล่นด้านโฟร์แฮนด์ได้ดีเป็นพิเศษ อีกทั้งจะต้องมีการเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว ซึ่งชาวเอเซียเราส่วนใหญ่ตัวเล็กและเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว การจับไม้แบบไม้จีน จึงเป็นที่นิยมกันแถบเอเซีย สำหรับในยุโรปแล้วมีนักกีฬาที่ใช้วิธีการจับไม้แบบนี้กันน้อยมาก เพราะนักกีฬายุโรปมักจะเคลื่อนที่ได้ช้า และการจับไม้แบบไม้จีนจะมีจุดอ่อนอยู่ที่ด้าน Back hand เพราะไม่สามารถเล่นลูก TOP SPIN ได้สะดวก แต่ปัจจุบันนี้ประเทศจีนได้คิดค้นวิธีการตีแบบใหม่ ซึ่งทำให้วิธีการจับไม้แบบไม้จีนมียุทธวิธีในการตีลูกได้รุนแรงและหลากหลายมากยิ่งขึ้น คือการใช้ด้านหลังมือตี ซึ่งอดีตที่ผ่านมาด้านนี้จะไม่ค่อยได้ใช้ในการตีลูก นักกีฬาจีนยุคใหม่จะถนัดในการเล่นลูกหลังมือนี้มากขึ้น เพราะสามารถเล่นได้ลูก TOP SPIN และ ลูกตบได้ดีอีกด้วย นับเป็นอาวุธใหม่สำหรับนักกีฬาจีนไว้ปราบนักกีฬาที่จับไม้แบบสากลโดยเฉพาะ<span class="Apple-converted-space"> </span></span></span><br />
<div align="center">
<span class="Apple-style-span" style="border-collapse: separate; color: black; font: 16px tahoma; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-indent: 0px; text-transform: none; webkit-border-horizontal-spacing: 0px; webkit-border-vertical-spacing: 0px; webkit-text-decorations-in-effect: none; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px;"><span class="Apple-style-span" style="border-collapse: separate; color: black; font: 16px tahoma; letter-spacing: normal; orphans: 2; text-indent: 0px; text-transform: none; webkit-border-horizontal-spacing: 0px; webkit-border-vertical-spacing: 0px; webkit-text-decorations-in-effect: none; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px;"><span class="Apple-converted-space"><img align="baseline" alt="" border="1" hspace="0" src="http://w6.thaiwebwizard.com/member/Arada/images/PINGPONGTIPS/b-b.jpg" /></span></span></span></div>
<div align="center">
<br /></div>
</span>ปิงปองhttp://www.blogger.com/profile/00451199128282604917noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3714416484135359661.post-46417414008095050272012-03-04T22:39:00.001-08:002012-03-04T22:39:57.073-08:00ประโยชน์ของกีฬาปิงปอง<span class="goog_qs-tidbit goog_qs-tidbit-0">กีฬาเทเบิลเทนนิส หรือ ปิงปอง ที่เรารู้จักกันนั้น ถือเป็นกีฬาที่มีความยากในการเล่น เป็นอันดับต้นๆ ของโลก เนื่องจากธรรมชาติของกีฬาประเภทนี้นั้น</span> ถูกจำกัดให้ตีลูกปิงปองลงบนโต๊ะของคู่ต่อสู้ ซึ่งพื้นที่บนฝั่งตรงข้ามมีเพียง พื้นที่ แค่ 4.5 ฟุต X 5 ฟุตเท่านั้น และลูกปิงปองยังมีความเบามาก เพียง 2.7 กรัม เท่านั้น และความเร็วในการเคลื่อนที่จากฝั่งหนึ่ง ไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ยังใช้เวลาไม่ถึง 1 วินาทีอีกต่างหาก แถมลูกปิงปองที่ลอยอยู่ในอากาศนั้น ยังมีความหมุนรอบตัวเองอีกด้วย ซึ่งลูกปิงปองที่กำลังเคลื่อนที่มาหาเรานั้น เราจะต้องตีกลับไปอีกด้วย เพราะไม่ตี หรือ ตีไม่ได้ ก็หมายถึงการเสียคะแนนทันที<br />
<br />
แต่ในความยากนั้น ก็ย่อมมีประโยชน์สำหรับผู้เล่นเหมือนกัน เพราะ เป็นกีฬาที่ต้องใช้ทุกส่วนของร่างกายร่วมกันทั้งหมด ซึ่งส่วนต่างๆ ที่ต้องใช้ มีดังนี้<br />
<br />
<strong>1. สายตา</strong>สายตาจะต้องจ้องมองลูกอยู่ตลอดเวลา แต่การจ้องลูกอย่างเดียวก็ยังไม่เพียงพอ เพราะจะต้องจ้องมองและสังเกตหน้าไม้ของคู่ต่อสู้อีกด้วยว่า ตีลูกความหมุนลักษณะใดมาหาเรา<br />
<br />
<strong>2. สมอง</strong>ปิงปอง เป็นกีฬาที่ต้องใช้สมองในการคิดเป็นอย่างมาก เพราะจะต้องคิดอยู่ตลอดเวลา รวมถึงต้องวางแผนการเล่นอีกด้วย<br />
<br />
<strong>3. มือ</strong>มือที่ใช้จับไม้ปิงปอง จะต้องคล่องแคล่วและว่องไว รวมถึงต้องรู้สึกได้เมื่อลูกปิงปองสัมผัสถูกหน้าไม้<br />
<br />
<strong>4. ข้อมือ</strong>ในการตีบางลักษณะ จำเป็นต้องใช้ข้อมือเข้าช่วย ลูกจึงจะมีความหมุนมากยิ่งขึ้น<br />
<br />
<strong>5. แขน</strong>ต้องมีพลกำลังและมีความอดทนในการฝึกซ้อมที่ต้องซ้อมแบบซ้ำและซ้ำอีก<br />
<br />
<strong>6. ลำตัว</strong> <br />
การตีลูกปิงปองในบางจังหวะ ต้องใช้ลำตัวเข้าช่วย<br />
<br />
7. ต้นขา<br />
แน่นอนว่าเมื่อกีฬาปิงปองเป็นกีฬาที่มีความเร็วสูง ต้นขาจึงต้องแข็งแรง และเตรียมพร้อมในการเคลื่อนที่ตลอดเวลา<br />
<br />
8. หัวเข่า<br />
ต้องย่อเข่า เพื่อเตรียมพร้อมในการเคลื่อนที่ <br />
<br />
9. เท้า<br />
ต้องเคลื่อนที่เข้าหาลูกปิงปองตลอดเวลา หากเท้าไม่เคลื่อนที่เข้าหาลูกปิงปอง ก็จะทำให้ไม่มีฟุตเวิร์ด และตามตีลูกปิงปองไม่ทัน<br />
<br />
จะเห็นได้ว่า กีฬาเทเบิลเทนนิสจะใช้ทุกส่วนของร่างกายในการเล่น เนื่องจากเป็นกีฬาที่มีความรวดเร็วนั่นเอง และยังไม่รวมถึงจิตใจที่จะต้องมีความเข้มแข็ง อดทน ทั้งในการฝึกซ้อม และ จิตใจที่จะต้องเป็นนักสู้เมื่อลงทำการแข่งขัน เพราะเป็นกีฬาประเภทบุคคลที่จะต้องพึ่งความสามารถของตนเองมากกว่าที่จะต้องอาศัยเพื่อนร่วมทีม ดังเช่นกับกีฬาประเภททีมอื่นๆ<br />
<br />
สำหรับสิ่งที่เป็นประโยชน์อื่นๆ ที่จะได้รับติดตามมาก็คือ การมีจิตใจและมีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย , การได้มีโอกาสมากกว่าผู้ที่ไม่ได้เล่นกีฬาในการเข้าศึกษาในสถาบันหรือโรงเรียนต่างๆ หรือ หากได้มีโอกาสรับใช้ชาติได้ ก็จะเป็นเกียรติต่อทั้งวงศ์ตระกูลรวมทั้งประโยชน์ต่อตนเอง ทั้งชื่อเสียง , ประสบการณ์ในการเดินทางไปแข่งขันในดินแดนต่างๆ หรือ อาจจะสามารถประกอบเป็นอาชีพในประเทศที่มีการเล่นกีฬาปิงปองเป็นอาชีพได้<br />
<br />
ครับ... ในเมื่อการเล่นกีฬาประเภทนี้ สามารถให้ประโยชน์ต่างๆ ได้มากมายขนาดนี้แล้ว หันมาเล่นกีฬาประเภทนี้กันให้มากๆ เถอะครับ นี่ยังไม่รวมถึงเป็นกีฬาที่ไม่มีการปะทะกัน การบาดเจ็บจากการเล่นมีน้อย และยังสามารถเล่นได้ต้องแต่อายุยังน้อยจนถึงอายุ 50 , 60 และ 70 ปี ก็ยังมีคนเล่นนะครับปิงปองhttp://www.blogger.com/profile/00451199128282604917noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-3714416484135359661.post-56008648831842856372012-03-04T22:26:00.000-08:002012-03-04T22:27:11.047-08:00ปิงปอง<br />
<center><br /><span style="font-family: tahoma; font-size: 22px;"><b>กติกากีฬาปิงปอง</b></span></center><br />
<div align="left">
<strong><span style="font-size: medium;">ก ติ ก า เ ท เ บิ ล เ ท น นิ ส</span><br />ส ม า ค ม เ ท เ บิ ล เ ท น นิ ส แ ห่ ง ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย<br />จั ด พิ ม พ์ โ ด ย . . ปิ ง ป อ ง อิ น เ ต อ ร์</strong></div>
<div>
</div>
<div>
</div>
<div align="center">
<strong><img align="baseline" alt="" border="1" hspace="0" src="http://w3.thaiwebwizard.com/member/Arada/images/ABOUT%20US/rule-table.jpg" /></strong><br />
1.1 พื้นหน้าด้านบนของโต๊ะเรียกว่า “พื้นผิวโต๊ะ” จะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีความยาว 2.74 เมตร ( 9 ฟุต) ความกว้าง 1.525 เมตร ( 5 ฟุต) และจะต้องสูงได้ระดับ โดยวัดจากพื้นที่ตั้งขึ้นมาถึงพื้นผิวโต๊ะสูง 76 เซนติเมตร ( 2 ฟุต 6 นิ้ว )<br />
1.2 พื้นผิวโต๊ะให้รวมถึงขอบบนสุดของโต๊ะ แต่ไม่รวมถึงด้านข้างของโต๊ะที่อยู่ต่ำกว่าขอบบนสุดของโต๊ะลงมา<br />
1.3 พื้นผิวโต๊ะอาจทำด้วยวัสดุใดๆ ก็ได้ แต่จะต้องมีความกระดอนสม่ำเสมอ เมื่อเอาลูกเทเบิลเทนนิสมาตรฐานทิ้งลงในระยะสูง 30 เซนติเมตร ลูกจะกระดอนขึ้นมาประมาณ 23 เซนติเมตร<br />
1.4 พื้นผิวโต๊ะจะต้องเป็นสีเข้มสม่ำเสมอและเป็นสีด้านไม่สะท้อนแสง ขอบด้านบนของพื้นผิวโต๊ะทั้ง 4 ด้านจะทางด้วยสีขาว มีความกว้าง 2 เซนติเมตร เส้นของพื้นผิวโต๊ะด้านยาว 2.74 เมตรทั้งสองข้างเรียกว่า “เส้นข้าง” เส้นของพื้นผิวโต๊ะด้านกว้าง 1.525 เมตร ทั้งสองข้างเรียกว่า “เส้นสกัด”<br />
1.5 พื้นผิวโต๊ะจะถูกแบ่งออกเป็นสองแดนเท่าๆ กัน กั้นด้วยเน็ตซึ่งขึงตั้งฉากกับพื้นผิวโต๊ะ และขนานกับเส้นสกัดโดยตลอด<br />
1.6 สำหรับประเภทคู่ ในแต่ละแดนจะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนเท่าๆ กันด้วยเส้นสีขาวขนาดกว้าง 3 มิลลิเมตร โดยขีดขนานกับเส้นข้างเรียกว่า “เส้นกลาง” และให้ถือว่าเส้นกลางนี้เป็นส่วนหนึ่งของคอร์ตด้านขวาของโต๊ะด้วย<br />
1.7 ในการแข่งขันระดับมาตรฐานสากลโต๊ะเทเบิลเทนนิสที่ใช้สำหรับแข่งขันจะต้องเป็นยี่ห้อและชนิดที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์เทเบิลเทนนิสนานาชาติเท่านั้น และในการจัดการแข่งขันจะต้องระบุสีของโต๊ะที่จะใช้แข่งขันลงในระเบียบการแข่งขันด้วยทุกครั้ง<br />
<br />
<b>2. ส่วนประกอบของเน็ต</b><br />
2.1 ส่วนประกอบของเน็ตจะประกอบไปด้วย ตาข่าย ที่แขวนและเสาตั้ง รวมไปถึงที่จับยึดกับโต๊ะเทเบิลเทนนิส<br />
2.2 ตาข่ายจะต้องขึงตึงและยึดด้วยเชือกซึ่งผูกติดปลายยอดเสา ซึ่งตั้งตรงสูงจากพื้นผิวโต๊ะ15.25 เซนติเมตร ( 6 นิ้ว) และยื่นออกไปจากเส้นข้างของโต๊ะถึงตัวเสาต้านละ 15.25 เซนติเมตร ( 6 นิ้ว) <br />
2.3 ส่วนบนสุดของตาข่ายตลอดแนวยาว จะต้องสูงจากพื้นผิวโต๊ะ 15.25 เซนติเมตร<br />
2.4 ส่วนล่างสุดของตาข่ายตลอดแนวยาวจะต้องอยู่ชิดกับพื้นผิวโต๊ะและส่วนปลายสุดของตาข่ายทั้งสองด้านจะต้องอยู่ชิดกับเสาให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้<br />
2.5 ในการแข่งขันระดับมาตรฐานสากล เน็ตที่ใช้สำหรับแข่งขันจะต้องเป็นยี่ห้อและชนิดที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์เทเบิลเทนนิสนานาชาติเท่านั้น และจะต้องเป็นสีเดียวกันกับโต๊ะที่ใช้แข่งขัน<br />
<br />
<b>3. ลูกเทเบิลเทนนิส</b><br />
3.1 ลูกเทเบิลเทนนิสจะต้องกลมและมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 40 มิลลิเมตร<br />
3.2 ลูกเทเบิลเทนนิสจะต้องมีน้ำหนัก 2.7 กรัม<br />
3.3 ลูกเทเบิลเทนนิสจะต้องทำด้วยเซลลูลอยด์หรือวัสดุพลาสติกอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน มีสีขาว สีเหลือง หรือสีส้ม และเป็นสีด้าน<br />
3.4 ลูกเทเบิลเทนนิสที่ใช้สำหรับแข่งขันจะต้องเป็นยี่ห้อและชนิดที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์เทเบิลเทนนิสนานาชาติเท่านั้น และจะต้องระบุสีของลูกที่จะใช้แข่งขันลงในระเบียบการแข่งขันทุกครั้ง<br />
<br />
<b>4. ไม้เทเบิลเทนนิส</b><br />
4.1 ไม้เทเบิลเทนนิสจะมีรูปร่าง ขนาด หรือน้ำหนักอย่างไรก็ได้ แต่หน้าไม้จะต้องแบนเรียบและแข็ง<br />
4.2 อย่างน้อยที่สุด 85% ของความหนาของไม้ จะต้องทำด้วยไม้ธรรมชาติ ชั้นที่อัดอยู่ติดภายในหน้าไม้ ซึ่งทำด้วยวัสดุอื่นใด เช่น คาร์บอนไฟเบอร์ , กลาสไฟเบอร์ หรือกระดาษอัดจะต้องมีความหนาไม่เกิน 7.5 % ของความหนาทั้งหน้าไม้หรือไม่เกิน 0.35 มิลลิเมตร สุดแท้แต่กรณีใดจะมีค่าน้อยกว่า<br />
4.3 หน้าไม้เทเบิลเทนนิสด้านที่ใช้ในการตีลูกจะต้องมีวัสดุปิดทับ วัสดุนั้นจะเป็นยางเม็ดธรรมดาแผ่นเดียวกัน โดยหันเอาเม็ดออกมาด้านนอกและไม่มีฟองน้ำรองรับ แผ่นยางชนิดนี้เมื่อปิดทับหน้าไม้และรวมกับกาวแล้วจะต้องมีความหน้าทั้งสิ้นไม่เกิน 2 มิลลิเมตร หรือแผ่นยางแผ่นเดียวกันชนิดมีฟองน้ำรองรับโดยจะหันเอาเม็ดอยู่ด้านในหรือเอาเม็ดอยู่ด้านนอกก็ได้ ยางชนิดนี้เมื่อปิดทับหน้าไม้และรวมกับกาวแล้วจะต้องมีความหนาทั้งสิ้นไม่เกิน 4 มิลลิเมตร<br />
4.3.1) แผ่นยางเม็ดธรรมดา จะต้องเป็นชิ้นเดียวและไม่มีฟองน้ำรองรับจะทำด้วยยางหรือยางสังเคราะห์ มีเม็ดกระจายอยู่อย่างสม่ำเสมอไม่น้อยกว่า 10 เม็ดต่อ 1 ตารางเซนติเมตร และไม่มากกว่า 50 เม็ดต่อ 1 ตารางเซนติเมตร<br />
4.3.2) แผ่นยางชนิดมีฟองน้ำ ประกอบด้วยฟองน้ำชิ้นเดียวปิดคลุมด้วยแผ่นยางเม็ดธรรมดาชิ้นเดียว ซึ่งความหนาของแผ่นยางธรรมดานี้จะต้องมีความหนาไม่เกิน 4 มิลลิเมตร<br />
4.4 วัสดุปิดทับหน้าไม้จะต้องปิดทับคลุมหน้าไม้ด้านนั้นๆ และจะต้องไม่เกินขอบของหน้าไม้ออกไป ยกเว้นส่วนที่ใกล้กับด้ามจับที่สุดและที่วางนิ้วอาจจะหุ้มหรือไม่หุ้มด้วยวัสดุใดๆ ก็ได้ ซึ่งอาจจะถูกพิจารณาว่าเป็นส่วนหนึ่งของด้ามจับ<br />
4.5 หน้าไม้เทเบิลเทนนิส ชั้นภายในหน้าไม้และชั้นของวัสดุปิดทับต่างๆ หรือกาวจะต้องสม่ำเสมอและมีความหนาเท่ากันตลอด<br />
4.6 หน้าไม้เทเบิลเทนนิสด้านหนึ่งจะต้องเป็นสีแดงสว่าง และอีกด้านหนึ่งจะต้องเป็นสีดำ โดยไม่คำนึงว่าหน้าไม้นั้นจะใช้ตีลูกเทเบิลเทนนิสหรือไม่ และจะต้องมีสีกลมกลืนอย่างสม่ำเสมอไม่สะท้อนแสง ตามขอบของไม้เทเบิลเทนนิสจะต้องไม่เป็นสีสะท้อนแสงหรือมีส่วนหนึ่งส่วนใดเป็นสีขาว<br />
4.7 วัสดุที่ปิดทับหน้าไม้สำหรับตีลูกเทเบิลเทนนิสจะต้องมีเครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ ผู้ผลิต ยี่ห้อ รุ่น และเครื่องหมาย ITTF แสดงไว้อย่างชัดเจนใกล้กับขอบของหน้าไม้ โดยจะต้องเป็นชื่อยี่ห้อและชนิด ที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์เทเบิลเทนนิสนานาชาติ ครั้งหลังสุดเท่านั้น<br />
4.8 สำหรับกาวที่มีส่วนประกอบของสารพิษจะไม่อนุญาตให้ใช้ทาลงบนหน้าไม้เทเบิลเทนนิส ผู้เล่นจะต้องใช้กาวแผ่นสำเร็จรูป หรือกาวที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์เทเบิลเทนนิสนานาชาติเท่านั้น<br />
4.9 การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของความสม่ำเสมอของผิวหน้าไม้หรือวัสดุปิดทับหรือความไม่สม่ำเสมอของสีหรือขนาด เนื่องจากการเสียหายจากอุบัติเหตุ การใช้งานหรือสีจาง อาจจะอนุญาตให้ใช้ได้ โดยมีเงื่อนไขว่าเหตุเหล่านั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญต่อคุณลักษณะของผิวหน้าไม้หรือผิววัสดุปิดทับ<br />
4.10 เมื่อเริ่มการแข่งขันและเมื่อใดก็ตามที่ผู้เล่นเปลี่ยนไม้เทเบิลเทนนิสระหว่างการแข่งขัน ผู้เล่นจะต้องแสดงไม้เทเบิลเทนนิสที่เขาเปลี่ยนให้กับคู่แข่งขันและกรรมการผู้ตัดสินตรวจสอบก่อนทุกครั้ง<br />
4.11 เป็นความรับผิดชอบของผู้เล่นที่จะต้องมั่นใจว่าไม้เทเบิลเทนนิสนั้นถูกต้องตามระเบียบและกติกา<br />
4.12 ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับอุปกรณ์การเล่นให้อยู่ในดุลยพินิจของผู้ชี้ขาด<br />
<br />
<b>5. คำจำกัดความ</b><br />
5.1 การตีโต้ หมายถึง ระยะเวลาที่ลูกอยู่ในการเล่น<br />
5.2 ลูกอยู่ในการเล่น หมายถึง เมื่อลูกเทเบิลเทนนิสได้หยุดนิ่งบนฝ่ามืออิสระก่อนการส่งลูกในจังหวะสุดท้าย จนกระทั่งลูกนั้นถูกสั่งให้เป็นเล็ทหรือได้คะแนน<br />
5.3 การส่งใหม่ ( LET ) หมายถึง การตีโต้ที่ไม่มีผลได้คะแนน<br />
5.4 การได้คะแนน หมายถึง การตีโต้ที่มีผลได้คะแนน<br />
5.5 มือที่ถือไม้ หมายถึง มือในขณะที่ถือไม้เทเบิลเทนนิส<br />
5.6 มืออิสระ หมายถึง มือในขณะที่ไม่ได้ถือไม้เทเบิลเทนนิส<br />
5.7 การตีลูก หมายถึง การที่ผู้เล่นสัมผัสลูกด้วยไม้เทเบิลเทนนิสขณะที่ถืออยู่หรือสัมผัสลูกตั้งแต่ข้อมือของมือในขณะที่ถือไม้ลงไป<br />
5.8 การขวางลูก หมายถึง ขณะที่ลูกกำลังอยู่ในการเล่น และฝ่ายตรงข้ามตีลูกมาโดยลูกนั้นยังไม่ได้กระทบแดนของอีกฝ่ายหนึ่ง ปรากฏว่าผู้เล่นหรือสิ่งใดๆ ที่เขาสวมใส่หรือถึออยู่ของผู้เล่นฝ่ายนั้นได้สัมผัสถูกลูกขณะที่ลูกนั้นยังไม่ผ่านพื้นผิวโต๊ะและยังไม่พ้นเส้นสกัดหรือผ่านพื้นผิวโต๊ะแล้ว แต่ลูกนั้นยังอยู่ในพื้นที่บนโต๊ะ<br />
5.9 ผู้ส่ง หมายถึง ผู้ที่ตีลูกเทเบิลเทนนิสเป็นครั้งแรกในการตีโต้<br />
5.10 ผู้รับ หมายถึง ผู้ที่ตีลูกเทเบิลเทนนิสเป็นครั้งที่สองในการตีโต้<br />
5.11 ผู้ตัดสิน หมายถึง ผู้ที่ถูกแต่งตั้งขึ้นเพื่อควบคุมการแข่งขัน<br />
5.12 ผู้ช่วยผู้ตัดสิน หมายถึง ผู้ที่ถูกแต่งตั้งขึ้นเพื่อช่วยผู้ตัดสินในการตัดสิน<br />
5.13 สิ่งใดๆ ที่ผู้เล่นสวมใส่หรือถืออยู่ หมายถึง สิ่งใดๆ ก็ตามที่ผู้เล่นสวมใส่หรือถืออยู่ตั้งแต่เริ่มการตีโต้<br />
5.14 ลูกเทเบิลเทนนิสจะถูกพิจารณาว่าผ่านข้ามหรืออ้อมหรือลอดส่วนประกอบของเน็ต ถ้าลูกนั้นได้ข้ามผ่านเน็ตไปแล้วและกระดอนกลับด้วยแรงหมุนของมันเอง หรือผ่านด้านข้างหรือด้านใต้ของส่วนประกอบของเน็ตด้านนอกโต๊ะ<br />
5.15 เส้นสกัด หมายรวมถึง เส้นสมมุติที่ลากต่อออกไปจากเส้นสกัดทั้งสองด้านด้วย<br />
<br />
<b>6. การส่งลูกที่ถูกต้อง</b><br />
6.1 เมื่อเริ่มส่งลูก ลูกเทเบิลเทนนิสต้องวางเป็นอิสระอยู่บนฝ่ามือของมืออิสระ โดยแบบฝ่ามือออกและลูกต้องหยุดนิ่ง โดยลูกนั้นต้องอยู่หลังเส้นสกัดและอยู่เหนือระดับพื้นผิวโต๊ะ<br />
6.2 ในการส่งลูก ผู้ส่งจะต้องโยนลูกขึ้นข้างบนด้วยมือให้ใกล้เคียงกับเส้นตั้งฉากและให้สูงจากจุดที่ลูกออกจากฝ่ามือไม่น้อยกว่า 16 เซนติเมตร โดยลูกที่โยนขึ้นไปนั้นจะต้องไม่เป็นลูกที่ถูกทำให้หมุนด้วยความตั้งใจ<br />
6.3 ผู้ส่งจะตีลูกได้ขณะที่ลูกเทเบิลเทนนิสได้ลดระดับลงจากจุดสูงสุดแล้ว เพื่อให้ลูกกระทบแดนของผู้ส่งก่อนแล้วข้ามหรืออ้อมตาข่ายไปกระทบแดนของฝ่ายรับ สำหรับประเภทคู่ ลูกเทเบิลเทนนิสจะต้องกระทบครึ่งแดนขวาของผู้ส่งก่อนแล้วข้ามตาข่ายไปกระทบครึ่งแดนขวาของฝ่ายรับ<br />
6.4 ทั้งลูกเทเบิลเทนนิสและไม้เทเบิลเทนนิสจะต้องอยู่เหรือพื้นผิวโต๊ะตลอดเวลาที่เริ่มทำการส่งลูกจนกระทั่งไม้ได้กระทบลูกแล้ว<br />
6.5 ในการส่งลูก ขณะที่ลูกกระทบหน้าไม้จะต้องอยู่นอกเส้นสกัดทางด้านผู้ส่งหรือนอกอาณาเขตเส้นสมมุติที่ต่อออกไปจากเส้นสกัด และต้องไม่เลยส่วนที่ไกลที่สุดของลำตัวออกไปทางด้านหลังโดยวัดจากเส้นสกัด ยกเว้น แขน ศรีษะ หรือขา<br />
6.6 เป็นความรับผิดชอบของเล่นที่จะต้องส่งลูกให้ผู้ตัดสินหรือผู้ช่วยผู้ตัดสินเห็น และตรวจสอบถึงการส่งลูกนั้นว่าถูกต้องตามกติกาหรือไม่<br />
6.6.1) ถ้าผู้ตัดสินสงสัยในลักษณะการส่งลูก แต่ทั้งเขาและผู้ช่วยผู้ตัดสินไม่มั่นใจว่าผู้ส่งได้ส่งลูกถูกตามกติกา ในโอกาสแรกของแมทซ์นั้นจะเตือนผู้ส่งโดยยังไม่ได้ตัดคะแนน<br />
6.6.2) สำหรับในครั้งต่อไปในแมทซ์เดียวกันนั้น หากผู้ส่งคนเดิมยังคงส่งลูกที่เป็นข้อสงสัยในทำนองเดียวกัน หรือลักษณะน่าสงสัยอื่นๆ อีก ผู้ส่งจะเสียคะแนนทันทีโดยไม่มีการเตือน<br />
6.6.3) หากผู้ส่งได้ส่งลูกผิดกติกาอย่างชัดเจน ผู้ส่งจะเสียคะแนนทันทีโดยไม่มีการเตือน<br />
6.7 ผู้ส่งลูกอาจได้รับการอนุโลมได้บ้าง หากผู้ส่งคนนั้นแจ้งให้ผู้ตัดสินทราบถึงการหย่อนสมรรถภาพทางร่างกาย จนเป็นเหตุให้ไม่สามารถส่งลูกได้ถูกต้องตามกติกา ทั้งนี้ต้องแจ้งให้ผู้ตัดสินทราบก่อนการแข่งขันทุกครั้ง<br />
<br />
<b>7. การรับที่ถูกต้อง</b><br />
7.1 เมื่อลูกเทเบิลเทนนิสได้ถูกส่งหรือตีโต้ไปตกลงในแดนฝ่ายครงข้ามถูกต้องแล้ว ฝ่ายรับตีลูกข้ามหรืออ้อมตาข่ายกลับไปเพื่อให้ลูกกระทบอีกแดนหนึ่งโดยตรง หรือสัมผัสส่วนใดส่วนหนึ่งของเน็ตแล้วตกลงในแดนฝ่ายตรงข้าม<br />
<br />
<b>8. ลำดับการเล่น</b><br />
8.1 ประเภทเดี่ยว ฝ่ายส่งได้ส่งลูกอย่างถูกต้อง ฝ่ายรับจะตีโต้กลับไป หลังจากนั้นฝ่ายส่งและฝ่ายรับจะผลัดกันตีโต้<br />
8.2 ประเภทคู่ ผู้ส่งลูกของฝ่ายส่งจะส่งลูกไปยังฝ่ายรับ ผู้รับของฝ่ายรับจะต้องตีลูกกลับแล้วคู่ของฝ่ายส่งจะตีลูกกลับไป จากนั้นคู่ของฝ่ายรับก็จะตีลูกกลับไปเช่นนี้สลับกันในการโต้ลูก<br />
<br />
<b>9. ลูกที่ให้ส่งใหม่ LET</b><br />
9.1 การตีโต้ซึ่งถือให้เป็นการส่งใหม่ จะต้องมีลักษณะดังนี้<br />
9.1.1) ถ้าลูกที่ฝ่ายส่งได้ส่งไปกระทบส่วนต่างๆ ของเน็ต แล้วข้ามไปในแดนของฝ่ายรับโดยถูกต้อง หรือส่งไปกระทบส่วนต่างๆ ของเน็ตแล้วผู้รับหรือคู่ฝ่ายรับขวางลูกหรือตีลูกก่อนที่ลูกจะตกกระทบแดนของเขาในเส้นสกัด<br />
9.1.2) ในความเห็นของผู้ตัดสิน ถ้าลูกที่ส่งออกไปแล้ว ฝ่ายรับหรือคู่ของฝ่ายรับยังไม่พร้อมที่จะรับ โดยมีข้อแม้ว่า ฝ่ายรับหรือคู่ของฝ่ายรับไม่พยายามตีลูก<br />
9.1.3) ในความเห็นของผู้ตัดสิน หากมีเหตุรบกวนนอกเหนือการควบคุมของผู้เล่นจนทำให้การส่ง การรับ หรือการเล่นนั้นเสียไป<br />
9.1.4) ถ้าการเล่นถูกยุติโดยผู้ตัดสินหรือผู้ช่วยผู้ตัดสิน<br />
9.1.5) ในประเภทคู่ ถ้าผู้เล่นส่งลูกหรือรับลูกส่งผิดลำดับ<br />
9.2 การเล่นอาจถูกยุติลงในกรณีต่อไปนี้<br />
9.2.1) เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดในลำดับการส่งลูก การรับลูกหรือการเปลี่ยนแดน<br />
9.2.2) เมื่อการแข่งขันได้ถูกกำหนดให้ใช้ระบบการแข่งขันแบบเร่งเวลา<br />
9.2.3) เพื่อเตือนหรือลงโทษผู้เล่น<br />
9.2.4) ในความเห็นของผู้ตัดสิน หากเห็นว่าสภาพการเล่นถูกรบกวนอันจะเป็นผลต่อการเล่น<br />
<br />
<b>10. ได้คะแนน</b><br />
10.1 นอกเหนือจากการตีโต้จะถูกสั่งให้เป็นเล็ท LET ผู้เล่นจะได้คะแนนจากกรณีดังต่อไปนี้<br />
10.1.1) ถ้าผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถส่งลูกได้อย่างถูกต้อง<br />
10.1.2) ถ้าผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถรับลูกได้อย่างถูกต้อง<br />
10.1.3) ถ้าผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามตีลูก สัมผัสถูกสิ่งใดๆ นอกเหนือจากส่วนประกอบของเน็ต<br />
10.1.4) ถ้าผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามตีลูกข้ามผ่านเส้นสกัดของเขาโดยไม่ได้สัมผัสกับพื้นผิวโต๊ะ<br />
10.1.5) ถ้าผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามขวางลูก<br />
10.1.6) ถ้าผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามตีลูกติดต่อกันสองครั้ง<br />
10.1.7) ถ้าผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามตีลูกด้วยหน้าไม้ที่ไม่ถูกต้องตามกติกา<br />
10.1.8) ถ้าผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามหรือสิ่งใดๆ ที่ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามสวมใส่หรือถืออยู่ทำให้พื้นผิวโต๊ะเคลื่อนที่<br />
10.1.9) ถ้าผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามหรือสิ่งใดๆ ที่ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามสวมใส่หรือถืออยู่สัมผัสถูกส่วนต่างๆ ของเน็ต<br />
10.1.10) ถ้ามืออิสระของผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามสัมผัสถูกพื้นผิวโต๊ะ<br />
10.1.11) ในประเภทคู่ ถ้าผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามตีลูกผิดลำดับ<br />
10.1.12) ในระบบการแข่งขันแบบเร่งเวลา ถ้าเขาหรือคู่ของเขาสามารถตีโต้กลับไปได้อย่างถูกต้องครบ 13 ครั้ง<br />
<br />
<b>11. เกมการแข่งขัน</b><br />
11.1 ผู้เล่นหรือคู่เล่นที่ทำคะแนนได้ 11 คะแนนก่อน จะเป็นฝ่ายชนะ ยกเว้นถ้าผู้เล่นทั้งสองฝ่ายทำคะแนนได้ 10 คะแนนเท่ากันจะต้องเล่นต่อไป โดยฝ่ายใดทำคะแนนได้มากกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง 2 คะแนน จะเป็นฝ่ายชนะ<br />
<br />
<b>12. แมทซ์การแข่งขัน</b><br />
12.1 ในหนึ่งแมทซ์ประกอบด้วยผู้ชนะ 3 ใน 5 เกม หรือ 4 ใน 7 เกม<br />
12.2 การแข่งขันจะต้องดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ยกเว้นผู้เล่นฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือทั้งสองฝ่ายขอสิทธิในการหยุดพักระหว่างจบเกม ซึ่งการพักระหว่างจบเกมจะพักได้ไม่เกิน 1 นาที<br />
<br />
<b>13. ลำดับการส่ง การรับ และแดน</b><br />
13.1สิทธิในการเลือกเสริฟ เลือกรับ และเลือกแดน จะใช้วิธีการเสี่ยงทาย โดยผู้ชนะในการเสี่ยงต้องเลือกเสริฟ หรือ เลือกรับก่อน หรือเลือกแดน<br />
13.2 เมื่อผู้เล่นหรือคู่ของผู้เล่นได้เลือกอย่างหนึ่งอย่างใดแล้ว ผู้เล่นหรือคู่เล่นอีกฝ่ายหนึ่งจะเป็นฝ่ายเลือกในหัวข้อที่เหลืออยู่<br />
13.3 เมื่อผู้ส่งได้ส่งลูกครบ 2 ครั้ง ฝ่ายรับจะกลายเป็นผู้ส่งบ้าง จากนั้นทั้งสองฝ่ายจะผลัดกันส่งลูกฝ่ายละ 2 ครั้ง จนกระทั่งจบเกมการแข่งขัน หรือจนกระทั่งทั้งสองฝ่ายทำคะแนนได้ 10 คะแนนเท่ากัน หรือเมื่อนำระบบการแข่งขันแบบเร่งเวลามาใช้ การส่งจะผลัดกันส่งฝ่ายละ 1 ครั้ง<br />
13.4 ในเกมแรกของประเภทคู่ ฝ่ายซึ่งมีสิทธิ์ในการส่งลูกก่อนจะต้องเลือกว่าใครจะเป็นผู้ส่งก่อน จากนั้นฝ่ายรับจะเลือกผู้ที่จะเป็นผู้รับ สำหรับในเกมถัดไปของแมทซ์นั้นฝ่ายส่งในเกมส์นั้นจะเป็นผู้เลือกส่งก่อนบ้าง โดยส่งให้กับผู้ที่ส่งให้เขาในเกมก่อนหน้านั้นเอง<br />
13.5 ในประเภทคู่ ลำดับการเปลี่ยนส่งคือ เมื่อผู้ส่งได้ส่งลูกครบ 2 ครั้งแล้ว ผู้รับจะกลายเป็นผู้ส่งบ้าง โดยส่งให้กับคู่ของผู้ที่ส่งลูกให้เขา<br />
13.6 ผู้เล่นหรือคู่เล่นที่เป็นฝ่ายส่งลูกก่อนในเกมแรกจะเป็นฝ่ายรับลูกก่อนในเกมต่อไป สลับกันจนจบแมทซ์ และในเกมสุดท้ายของประเภทคู่ ฝ่ายรับจะต้องเปลี่ยนเป็นผู้รับทันทีเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำคะแนนได้ 6 คะแนน<br />
13.7 ผู้เล่นหรือคู่เล่นจะต้องเปลี่ยนแดนทันที เมื่อการแข่งขันในแต่ละเกมสิ้นสุดลง สลับกันจนจบแมทซ์และในการแข่งขันเกมสุดท้ายผู้เล่นจะต้องเปลี่ยนแดนทันทีเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำคะแนนได้ 6 คะแนน<br />
<br />
<b>14. การผิดลำดับในการส่ง การรับ และแดน</b><br />
14.1 ถ้าผู้เล่นส่งหรือรับลูกผิดลำดับ กรรมการผู้ตัดสินจะยุติการเล่นทันทีที่ได้ค้นพบข้อผิดพลาดและทำการเริ่มเล่นใหม่ โดยผู้เล่นและผู้รับที่ควรจะเป็นผู้ส่งและผู้รับตามลำดับที่ได้จัดไว้ตั้งแต่เริ่มการแข่งขันของแมทซ์นั้นต่อจากคะแนนที่ทำได้ สำหรับในประเภทคู่หากไม่สามารถทราบถึงผู้ส่งและผู้รับที่ถูกต้อง ลำดับในการส่งจะถูกจัดให้ถูกต้อง โดยคู่ที่มีสิทธิ์ส่งในครั้งแรกของเกมที่ค้นพบข้อผิดพลาดนั้น<br />
14.2 ถ้าผู้เล่นไม่ได้เปลี่ยนแดนกันเมื่อถึงคราวต้องเปลี่ยนแดน กรรมการผู้ตัดสินจะยุติการเล่นทันทีที่ทราบ และจะเริ่มเล่นใหม่โดยเปลี่ยนแดนกันให้ถูกต้องตามลำดับที่จัดไว้ตั้งแต่เริ่มการแข่งขันของแมทซ์นั้นต่อจากคะแนนที่ได้<br />
14.3 กรณีใดๆ ก็ตาม คะแนนทั้งหมดซึ่งที่ทำไว้ก่อนที่จะค้นพบข้อผิดพลาดให้ถือว่าใช้ได้<br />
<br />
<b>15. ระบบการแข่งขันเร่งเวลา</b><br />
15.1 ระบบการแข่งเร่งเวลาจะถูกนำมาใช้ถ้าเกมการแข่งขันในเกมนั้นไม่เสร็จสิ้นภายในเวลา 10 นาที ยกเว้นในกรณีที่ผู้เล่นหรือคู่เล่นทั้งสองฝ่ายมีคะแนนไม่น้อยกว่า 9 คะแนน จะแข่งขันตามระบบเดิมหรือจะใช้ระบบการแข่งขันเร่งเวลาก่อนครบกำหนดเวลาก็ได้ ถ้าผู้เล่นหรือคู่เล่นทั้งสองฝ่ายต้องการ<br />
15.1.1) ถ้าลูกอยู่ในระหว่างการเล่น และครบกำหนดเวลาแข่งขันพอดี การเล่นนั้นจะถูกยุติลงโดยกรรมการผู้ตัดสินและจะเริ่มเล่นใหม่ด้วยการส่งลูก โดยผู้เล่นซึ่งเป็นผู้ส่งลูกอยู่ก่อนที่การตีโต้นั้นถูกยุติลง<br />
15.1.2) ถ้าลูกไม่ได้อยู่ในระหว่างการเล่น และครบกำหนดเวลาแข่งขันพอดี การเล่นนั้นจะเริ่มเล่นใหม่ด้วยการส่งลูก โดยผู้เล่นที่เป็นฝ่ายรับลูกอยู่ก่อนที่เวลานั้นจะสิ้นสุดลง<br />
15.2 หลังจากนั้น ผู้เล่นแต่ละคนจะเปลี่ยนกันส่งลูกคนละครั้ง จนกระทั่งจบเกมการแข่งขันและในการตีโต้หากผู้รับหรือคู่เล่นฝ่ายรับสามารถตีโต้กลับมาอย่างถูกต้องครบ 13 ครั้ง ฝ่ายส่งจะเสีย 1 คะแนน<br />
15.3 เมื่อระบบการแข่งขันเร่งเวลานำมาใช้ในเกมใดแล้ว ในเกมที่เหลือของแมทซ์นั้นๆ ให้ใช้ปฎิบัติต่อไปจนกระทั่งจบแมทซ์นั้น<br />
<br />
<b>16. เครื่องแต่งกาย</b><br />
16.1 เสื้อผ้าที่ใช้แข่งขัน ปกติจะประกอบไปด้วยเสื้อแขนสั้น กางเกงขาสั้นหรือกระโปรง ถุงเท้าและรองเท้าแข่งขัน ส่วนเสื้อผ้าชนิดอื่นๆ เช่น บางส่วนหรือทั้งหมดของชุดวอร์ม จะไม่อนุญาตให้ใส่ในระหว่างแข่งขัน ยกเว้นได้รับอนุญาตจาผู้ชี้ขาด สำหรับในการแข่งขันระดับภายในประเทศให้ผู้เข้าแข่งขันสอดชายเสื้อไว้ในกางเกงหรือกระโปรงทุกครั้ง และเสื้อแข่งขันจะต้องมีปกเท่านั้น<br />
16.2 นอกจากแขนเสื้อและปกของเสื้อแข่งขันแล้ว สีส่วนใหญ่ของเสื้อแข่งขัน กางเกง หรือกระโปรง จะต้องเป็นสีที่แตกต่างกันกับลูกเทเบิลเทนนิสที่ใช้ในการแข่งขันอย่างชัดเจน<br />
16.3 บนเสื้อแข่งขันอาจมีเครื่องหมายใดๆ ได้ดังนี้<br />
16.3.1) เครื่องหมายหรือตัวอักษรที่แสดงสังกัดสโมสรที่มิใช่เป็นการโฆษณาบนด้านหน้า หรือด้านข้างของเสื้อแข่งขัน บรรจุในพื้นที่ได้ไม่เกิน 64 ตารางเซ็นติเมตร<br />
16.3.2) ด้านหลังของเสื้อแข่งขัน อาจมีหมายเลขหรือตัวอักษรแสดงสังกัดหรือแสดงถึงแมทซ์การแข่งขัน<br />
16.3.3) เสื้อผ้าอาจสามารถโฆษณาในขนาดที่กำหนพดไว้ตามข้อ 18.6<br />
16.4) หมายเลขประจำตัวของผู้เล่นที่ติดบนหลังเสื้อจะต้องอยู่ตรงกลางของหลังเสื้อ โดยมีขนาดใหญ่ได้ไม่เกิน 600 ตา-รางเซ็นติเมตร และมีความเด่นชัดเหนือโฆษณา<br />
16.5 การทำเครื่องหมายหรือการเดินเส้นใดๆ บนด้านหน้าหรือด้านข้างของเสื้อผ้าหรือวัสดุใดๆ เช่น เครื่องประดับที่สวมใส่จะต้องไม่จับตาหรือสะท้อนแสงไปยังสายตาของฝ่ายตรงข้าม<br />
16.6 รูปแบบของเสื้อผ้า ชุดแข่งขัน ตัวอักษรหรือการออกแบบใดๆ จะต้องเป็นรูปแบบที่เรียบร้อยไม่ทำให้เกมนั้นเสื่อมเสีย<br />
16.7 สำหรับปัญหาใดๆ ที่เกี่ยวกับระเบียบข้อบังคับของชุดแข่งขัน ให้อยู่ในดุลยพินิจของผู้ชี้ขาด<br />
16.8 ในการแข่งขันประเภททีมและในการแข่งขันประเภทคู่ นักกีฬาที่มาจากสังกัดเดียวกันจะต้องแต่งกายให้มีสีและรูปแบบที่เหมือนกันเท่าที่จะเป็นไปได้ ยกเว้นถุงเท้าและรองเท้า<br />
16.9 ในการแข่งขันระดับนานาชาติ นักกีฬาทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องแต่งกายด้วยสีที่แตกต่างกันเพื่อง่ายต่อการสังเกตของผู้ชม<br />
16.10 หากผู้เล่นหรือทีมไม่สามารถตกลงกันได้ในกรณีชุดแข่งขันที่เหมือนกัน จะใช้วิธีการจับฉลาก<br />
<br />
<b>17. สภาพของสนามแข่งขัน</b><br />
17.1 มาตรฐานของพื้นที่แข่งขันจะต้องมีความยาวไม่น้อยกว่า 14 เมตร กว้างไม่น้อยกว่า 7 เมตร และสูงไม่น้อยกว่า 4 เมตร<br />
17.2 พื้นที่การแข่งขันจะถูกล้อมไว้โดยรอบ ซึ่งที่ปิดล้อมหรือแผงกั้น จะมีขนาดสูงประมาณ 75 เซนติเมตร แยกพื้นที่การแข่งขันออกจากผู้ชม โดยแผงกั้นทั้งหมดจะต้องมีสีพื้นเดียวกันและมีสีเข้ม<br />
17.3 ในกาแข่งขันระดับโลกหรือโอลิมปิค ควาสว่างอขงแสงเมื่อวัดจากพื้นผิดโต๊ะแล้วจะต้องมีความเข้มของแสงโดยสม่ำเสมอไม่น้อยกว่า 1000 ลักซ์ และแสงสว่างในส่วนอื่นๆ ของพื้นที่สนามแข่งขันจะต้องมีความเข้มของแสงไม่น้อยกว่า 500 ลักซ์ สำหรับการแข่งขันระดับอื่นๆ ความสว่างบนพื้นผิดโต๊ะจะต้องไม่น้อยกว่า 600 ลักซ์ และพื้นที่สนามแข่งขันไม่น้อยกว่า 400 ลักซ์<br />
17.4 แหล่งกำเนิดแสงสว่างจะต้องอยู่สูงกว่าพื้นสนามไม่น้อยกว่า 4 เมตร<br />
17.5 ฉากหลังโดยทั่วๆ ไป จะต้องมืด ไม่มีแสงสว่างจากแหล่งกำเนิดไฟอื่นหรือแสงจากธรรมชาติผ่านเข้ามาตราช่อง<br />
หรือหน้าต่าง<br />
17.6 พื้นสนามแข่งขันจะต้องไม่เป็นสีสว่างหรือสะท้อนแสง และจะต้องไม่เป็นอิฐ คอนกรีต หรือหิน สำหรับการแข่งขันระดับโลกหรือระดับโอลิมปิค พื้นสนามแข่งขันจะต้องเป็นไม้หรือวัสดุยางสังเคราะห์ที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์เทเบิลเทนนิสนานาชาติ ITTF เท่านั้น<br />
<br />
<b>18. การโฆษณา</b><br />
18.1 การโฆษณาภายในพื้นที่การแข่งขันสามารถทำได้เฉพาะบนอุปกรณ์การแข่งขันโดยไม่มีการต่อเติมออกมาเป็นพิเศษ<br />
18.2 การโฆษณาภายในพื้นที่แข่งขันต้องไม่ใช้หลอดนีออนหรือแสงสว่างสีต่างๆ<br />
18.3 ตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ภายในที่ปิดล้อมหรือแผงกั้นลูกจะต้องไม่เป็นสีขาวหรือสีเหลือง และจะต้องมีสีไม่มากกว่า 2 สี โดยมีความสูงไม่เกิน 40 เซนติเมตร<br />
18.4 การโฆษณาบนโต๊ะแข่งขัน อนุญาตให้เฉพาะด้านข้างและด้านหลังตรงขอบโต๊ะเท่านั้น ซึ่งแต่ละโฆษณาจะมีขนาดใหญ่ได้ไม่เกิน 200 ตารางเซ็นติเมตร สำหรับการโฆษณาที่ติดเป็นการถาวรจะติดได้เฉพาะเครื่องหมายการค้า สัญลักษณ์ หรือชื่อของชนิด และรุ่น เท่านั้น คณะกรรมการจัดการแข่งขันอาจจะติดโฆษณาชั่วคราวได้บนขอบโต๊ะด้านหลังและขอบโต๊ะด้านข้างแต่ละด้านๆ ละ 1 ชิ้น<br />
18.5 การโฆษณาบนเก้าอี้หรือโต๊ะผู้ตัดสินหรือบนเครื่องใช้อื่นๆ ภายในพื้นที่การแข่งขันจะต้องมีขนาดใหญ่ไม่เกิน 750 ตารางเซ็นติเมตร<br />
18.6 การโฆษณาบนเสื้อผ้าของผู้เล่น มีข้อจำกัดดังนี้<br />
18.6.1) สัญลักษณ์หรือชื่อ เครื่องหมายการค้า จะมีขนาดใหญ่ได้ไม่เกิน 24 ตารางเซนติเมตร<br />
18.6.2) บนเสื้อแข่งขันสามารถมีการโฆษณาได้ไม่เกิน 3 ชิ้น โดยจะต้องแยกจากกันอย่างชัดเจนบนด้านหน้าหรือด้านข้างของเสื้อแข่งขัน ซึ่งการโฆษณาจะมีพื้นที่รวมกันแล้วไม่เกิน 160 ตารางเซนติเมตร<br />
18.6.3) บนกางเกงหรือกระโปรงแข่งขันสามารถมีโฆษณาได้ไม่เกิน 2 ชิ้น โดยจะต้องแยกออกจากกันอย่างชัดเจน ซึ่งการโฆษณาจะมีพื้นที่รวมกันไม่เกิน 80 ตารางเซนติเมตร<br />
18.6.4) ด้านหลังของเสื้อแข่งขัน สามารถมีโฆษณาได้ไม่เกิน 1 ชิ้น และมีขนาดใหญ่ได้ไม่เกิน 200 ตารางเซนติเมตร<br />
18.7 การโฆษณาบนหมายเลขที่ติดบนด้านหลังของผู้เล่น จะมีขนาดใหญ่ได้ไม่เกิน 100 ตารางเซนติเมตร<br />
18.8 การโฆษณาบนเสื้อผ้าของกรรมการผู้ตัดสิน จะมีขนาดใหญ่ได้ไม่เกิน 40 ตารางเซนติเมตร<br />
18.9 ในการแข่งขันระดับนานาชาติ บนผู้เล่นจะต้องไม่มีการโฆษณาผลิตภัณฑ์บุหรี่ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือยาที่ เป็นอันตราย<br />
<br />
<b>19. เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวกับการตัดสิน</b><br />
19.1 ผู้ชี้ขาด<br />
19.1.1) ผู้ชี้ขาดจะต้องถูกแต่งตั้งขึ้นในการแข่งขันแต่ละครั้งเพื่อควบคุมการแข่งขัน โดยชื่อและที่ติดต่อจะต้องเป็นที่ทราบแก่ผู้เข้าร่วมการแข่งขันหรือหัวหน้าทีมต่างๆ พอสมควร<br />
19.1.2) ผู้ชี้ขาดมีหน้าที่รับผิดชอบดังนี้<br />
19.1.2.1 มีหน้าที่เกี่ยวกับการจับฉลากแบ่งสาย<br />
19.1.2.2 จัดทำตารางและกำหนดโต๊ะแข่งขัน<br />
19.1.2.3 แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ในการแข่งขัน เช่น ผู้ตัดสิน ผู้ช่วยผู้ตัดสิน ฯลฯ<br />
19.1.2.4 ตัดสินปัญหาในเรื่องของการตีความตามกติกาหรือข้อบังคับต่างๆ รวมไปถึงข้อบังคับเกี่ยวกับเสื้อผ้า อุปกรณ์การแข่งขันและสภาพของสนามแข่งขัน<br />
19.1.2.5 ตัดสินว่าผู้เล่นจะสวมชุดวอร์มลงแข่งขันได้หรือไม่<br />
19.1.2.6 ตัดสินว่าจะยุติการเล่นเป็นการฉุกเฉินได้หรือไม่<br />
19.1.2.7 ตัดสินว่าผู้เล่นจะออกนอกพื้นที่การแข่งขันในระหว่างการแข่งขันได้หรือไม่<br />
19.1.2.8 ตัดสินว่าผู้เล่นจะฝึกซ้อมได้เกินตามเวลาตามที่กำหนดไว้ ได้หรือไม่<br />
19.1.2.9 มีหน้าที่ที่จะใช้มาตรการลงโทษสำหรับผู้ที่ประพฤติผิดมารยาทหรือละเมิดข้อบังคับอื่นๆ <br />
19.1.2.10 มีหน้าที่ตรวจสอนคุณสมบัติของผู้เล่นให้เป็นไปตามระเบียบการแข่งขัน<br />
19.1.2.11 ตัดสินว่าจะให้ผู้เล่นฝึกซ้อมที่ใดขณะยุติการเล่นฉุกเฉิน<br />
19.1.2.12 มีหน้าที่ในการอบรมเจ้าหน้าที่ผู้ตัดสิน ฯลฯ<br />
19.1.3) หากหน้าที่ต่างๆ ที่กล่าวมา คณะกรรมการจัดการแข่งขันได้มอบหมายให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งทำหน้าที่แทน หน้าที่ ชื่อและที่ติดต่อของบุคคลนั้นจะต้องเป็นทราบแก่ผู้เข้าร่วมการแข่งขันหรือหัวหน้าทีมต่างๆ ตามสมควร<br />
19.1.4) ผู้ชี้ขาดหรือผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบรองลงไป จะต้องอยู่ ณ ที่แข่งขันตลอดเวลาการแข่งขัน<br />
19.1.5) ผู้ชี้ขาดสามารถที่จะลงทำหน้าที่แทนผู้ตัดสิน ผู้ช่วยผู้ตัดสิน หรือเจ้าหน้าที่นับครั้งได้ทุกโอกาส แต่จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคำตัดสินของผู้ตัดสินหรือผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ได้ตัดสินไปแล้วในปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับข้อเท็จจริง<br />
19.2 ผู้ตัดสิน<br />
19.2.1) ผู้ตัดสินจะถูกแต่งตั้งขึ้นในแต่ละแมทซ์ โดยจะนั่งหรือยืนตรงด้านข้างของโต๊ะในแนวเดียวกันกับเน็ต และห่างจากโต๊ะประมาณ 2-3 เมตร<br />
19.2.2) ผู้ตัดสินมีหน้าที่รับผิดชอบ ดังนี้<br />
19.2.2.1 ตรวจอุปกรณ์และดูแลสภาพความเรียบร้อยของสนามแข่งขันและรายงานต่อผู้ชี้ขาดทันทีที่สภาพสนามบกพร่อง<br />
19.2.2.2 ทำหน้าที่ในการสุ่ม เพื่อเลือกลูกเทเบิลเทนนิสในกรณีที่ผู้เล่นไม่สามารถตกลงกันได้<br />
19.2.2.3 ทำหน้าที่ในการเสี่ยง เพื่อให้ผู้เล่นเลือกส่ง เลือกรับ หรือเลือกแดน<br />
19.2.2.4 ตัดสินใจผ่อนผันในการส่งลูกของผู้เล่นที่หย่อนสมรรถภาพทางร่างกาย<br />
19.2.2.5 ควบคุมลำดับการส่ง การรับ การเปลี่ยนแดน และแก้ไขในกรณีที่ผิดพลาด<br />
19.2.2.6 ตัดสินผลของการตีโต้ว่าได้คะแนนหรือเล็ท<br />
19.2.2.7 ทำหน้าที่ในการขานคะแนนและใช้สัญญาณมือตามข้อ 19.2.3<br />
19.2.2.8 เป็นผู้แนะนำระบบการแข่งขันแบบเร่งเวลา<br />
19.2.2.9 ควบคุมการแข่งขันให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง<br />
19.2.2.10 ควบคุมการแนะนำหรือการสอนของผู้เล่น และมารยาทความประพฤติของผู้เล่นให้เป็นไปตามกติกา<br />
19.2.3) ผู้ตัดสินจะใช้สัญญาณมือเพื่อช่วยในการตัดสินควบคู่ไปกับการขานคะแนน ดังนี้<br />
19.2.3.1 เมื่อได้คะแนน ผู้ตัดสินจะกำมือโดยหันหน้ามือออก ยกกำปั้นขึ้นมาระดับหัวไหล่ด้านของฝ่ายที่ได้คะแนน<br />
19.2.3.2 ในตอนเริ่มเกมหรือในการเปลี่ยนส่ง ผู้ตัดสินจะผายมือไปยังแดนหรือฝ่ายนั้นๆ<br />
19.2.3.3 เมื่อการแข่งขันเป็นเล็ท ผู้ตัดสินจะยกมือไปข้างหน้าเหนือศรีษะ เพื่อแสดงว่าการตีนั้นหยุดลง<br />
19.2.3.4 เมื่อลูกถูกขอบด้านบนโต๊ะ ผู้ตัดสินจะชี้มือไปยังจุดที่ลูกสัมผัสถูกขอบโต๊ะ<br />
19.2.3.5 ขณะเปลี่ยนแดนในครึ่งเกมสุดท้าย ผู้ตัดสินจะไขว้มือทั้ง 2 ข้างในระดับอก เพื่อให้ผู้เล่นเปลี่ยนแดน<br />
19.3 ผู้ช่วยผู้ตัดสิน<br />
19.3.1) ผู้ช่วยผู้ตัดสินจะถูกแต่งตั้งขึ้นในแต่ละแมทซ์ จำนวน 1-2 คน โดยนั่งตรงข้ามกับผู้ตัดสิน ในกรณีที่มีผู้ช่วยผู้ตัดสิน 1 คน จะนั่งแนวเดียวกันกับเน็ต หากมีผู้ช่วยผู้ตัดสิน 2 คน แต่ละคนจะนั่งแนวเดียวกันกับเส้นสกัดแต่ละด้าน<br />
19.3.2) ผู้ช่วยผู้ตัดสินมีหน้าที่ตัดสินว่าลูกเทเบิลเทนนิสสัมผัสถุกขอบโต๊ะหรือไม่ ในด้านที่ใกล้ที่สุดกับตนเอง<br />
19.3.3) ทั้งผู้ตัดสินและผู้ช่วยผู้ตัดสินอาจจะตัดสินใจดังนี้<br />
19.3.3.1 พิจารณาลักษณะการส่งลูกของผู้เล่นว่าถูกต้องตามกติกาหรือไม่<br />
19.3.3.2 ในการส่งลูก ลูกนั้นสัมผัสถูกเน็ตหรือไม่<br />
19.3.3.3 พิจารณาว่าผู้เล่นขวางลูกหรือไม่<br />
19.3.3.4 ในขณะแข่งขันมีส่งที่เข้ามารบกวนอันจะมีผลต่อการแข่งขันหรือไม่<br />
19.3.3.5 รักษาเวลาในการฝึกซ้อม ในการเล่น หรือในขณะหยุดพัก<br />
19.3.4) การตัดสินใดๆ ของผู้ตัดสินและผู้ช่วยผู้ตัดสินตามข้อ 19.3.3) จะต้องไม่ก้าวก่ายต่อหน้าที่ของเจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่แต่งตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ<br />
19.3.5) ถ้าแต่งตั้งผู้ช่วยผู้ตัดสิน 2 คน ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่จะทำหน้าที่ตามข้อ 19.3.2 , 19.3.3.1 และ 19.3.3.3 และในการขานอื่นๆ ที่อยู่ใกล้กับโต๊ะและผู้เล่นในด้านของเขา<br />
19.3.6) ในการแข่งขันระบบเร่งเวลา หากมีผู้ช่วยผู้ตัดสิน 1 คน จะต้องแต่งตั้งเจ้าหน้าที่นับจำนวนครั้งขึ้นมาต่างหาก ถ้ามีผู้ช่วยผู้ตัดสิน 2 คน ผู้ช่วยผู้ตัดสินจะเป็นผู้นับจำนวนครั้ง โดยผู้นับคือผู้ช่วยผู้ตัดสินที่อยู่ใกล้กับผู้เล่นที่เป็นฝ่ายรับ<br />
<br />
<b>20. การประท้วง</b><br />
20.1 จะไม่มีการตกลงกันเองของผู้เล่นหรือหัวหน้าทีมที่จะเปลี่ยนแปลงคำตัดสินของผู้ตัดสินหรือเจ้าหน้าที่ ในกรณีที่เกมการแข่งขันเกิดปัญหาขึ้นตามข้อเท็จจริง หรือเปลี่ยนแปลงการตีความตามกติกาหรือกฎข้อบังคับของผู้ชี้ขาด หรือเปลี่ยนแปลงการดำเนินการจัดซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการจัดการแข่งขัน<br />
20.2 การประท้วงจะต้องไม่คัดค้านต่อการตัดสินของผู้ตัดสินหรือเจ้าหน้าที่ในกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นตามข้อเท็จจริง หรือประท้วงในการตัดสินของผู้ชี้ขาดในกรณีที่เกี่ยวกับการตีความตามกติกาหรือกฏข้อบังคับ<br />
20.3 การประท้วงเกี่ยวกับการตัดสินของผู้ตัดสินในกรณีเกี่ยวกับการตีความในปัญหาของกติกาหรือกฏข้อบังคับ ให้ทำการประท้วงต่อผู้ชี้ขาด และการตัดสินของผู้ชี้ขาดถือว่าสิ้นสุด<br />
20.4 การประท้วงเกี่ยวกับการตัดสินของผู้ชี้ขาดในกรณีเกี่ยวกับปัญหาของการจัดการแข่งขันนอกเหนือจากกติกาหรือกฎข้อบังคับ ให้ทำการประท้วงต่อคณะกรรมการจัดการแข่งขัน และการตัดสินของคณะกรรมการจัดการแข่งขันถือว่าสิ้นสุด<br />
20.5 การแข่งขันประเภทบุคคล การประท้วงจะทำได้เฉพาะผู้เล่นซึ่งเป็นคู่กรณีในแมทซ์ที่ปัญหาได้เกิดขึ้น และในการแข่งขันประเภททีม การประท้วงจะทำได้เฉพาะหัวหน้าทีมซึ่งเป็นคู่กรณีในแมทซ์ที่ปัญหาเกิดขึ้นเท่านั้น<br />
20.6 ปัญหาการตีความตามกติกาหรือกฏข้อบังคับที่เกิดจากการตัดสินของผู้ชี้ขาดหรือปัญหาของการจัดการแข่งขันหรือดำเนินการแข่งขันที่เกิดขึ้นจากการตัดสินของคณะกรรมการจัดการแข่งขัน ผู้เล่นหรือหัวหน้าทีมอาจจะประท้วงผ่านต้นสังกัดหรือสโมสรของตนไปยังสมาคมก็ได้ สำหรับการพิจารณาของสมาคมจะพิจารณาหาข้อปฏิบัติสำหรับการตัดสินต่อไปในอนาคต แต่ทั้งนี้จะไม่มีผลต่อคำตัดสินในครั้งที่ผ่านมาใดๆ ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วโดยผู้ชี้ขาดหรือคณะกรรมการจัดการแข่งขันที่รับผิดชอบ<br />
<br />
<b>21. การดำเนินการแข่งขัน</b><br />
21.1 ผู้เล่นจะได้รับอนุญาตให้ฝึกซ้อมบนโต๊ะแข่งขันเป็นเวลาไม่เกิน 2 นาที ก่อนการแข่งขัน สำหรับในช่วงเวลาระหว่างการแข่งขันจะไม่สามารถทำการฝึกซ้อมได้ ซึ่งการฝึกซ้อมนอกเหนือจากที่กล่าวมาอาจจะขยายออกไปได้โดยการอนุญาตของผู้ชี้ขาด<br />
21.2 ถ้าแมทซ์การแข่งขันไม่สามารถเริ่มได้เนื่องจากผู้เล่นไม่สามารถตกลงกันได้ในการเลือกลูกแข่งขัน ผู้ตัดสินจะเป็นผู้เลือกให้โดยวิธีการสุ่มและถ้าผู้เล่นยังปฏิเสธอยู่อาจจะถูกปรับเป็นแพ้โดยผู้ชี้ขาด<br />
21.3 ในระหว่างการแข่งขัน ผู้ตัดสินอาจจะอนุญาตให้หยุดเพื่อทำการเช็ดเหงื่อได้ในช่วงเวลาอันสั้นที่สุดเท่าที่จำเป็นซึ่งจะสามารถทำได้เมื่อครบทุกๆ 5 คะแนนเท่านั้น และเมื่อขณะเปลี่ยนแดนกันในเกมสุดท้าย<br />
21.4 ถ้าไม้เทเบิลเทนนิสของผู้เล่นหักในระหว่างการแข่งขัน ผู้เล่นจะต้องเปลี่ยนไม้อันใหม่ทันทีด้วยไม้ของผู้เล่นที่นำติดตัวเข้ามาในพื้นที่การแข่งขันหรือไม้ที่ถูกส่งให้กับผู้เล่นในพื้นที่การแข่งขันก็ได้<br />
21.5 ผู้เล่นจะได้รับอนุญาตอย่างมีเหตุผลที่จะตรวจสอบอุปกรณ์ที่เปลี่ยนใหม่อันเกิดจากการชำรุด เช่น ไม้เทเบิลเทนนิสหรือลูกเทเบิลเทนนิสที่ชำรุด แต่ก็จะไม่มากไปกว่าการฝึกตีโต้ 2-3 ครั้งก่อนการเล่นใหม่<br />
21.6 ผู้เล่นจะต้องวางไม้เทเบิลเทนนิสของเขาบนโต๊ะแข่งขัน ระหว่างช่วงหยุดพักระหว่างเกม<br />
21.7 ผู้เล่นจะต้องอยู่ในพื้นที่การแข่งขันหรือใกล้พื้นที่การแข่งขันตลอดเวลาการแข่งขันนั้น โดยในการหยุดพักระหว่างเกมผู้เล่นจะต้องอยู่ในระยะไม่เกิน 3 เมตร ของพื้นที่การแข่งขัน ภายใต้การควบคุมของผู้ตัดสิน การออกนอกระยะดังกล่าวสามารถทำได้โดยต้องได้รับอนุญาตจากผู้ชี้ขาด<br />
<br />
<b>22. การยุติการเล่นฉุกเฉิน</b><br />
22.1 ผู้ชี้ขาดอาจจะอนุญาตให้ยุติการเล่นชั่วคราวในช่วงเวลาอันสั้นที่สุด ซึ่งจะไม่เกิน 10 นาที ถ้าผู้เล่นไม่สามารถเล่นได้เนื่องจากอุบัติเหตุ โดยมีเงื่อนไขว่า ในความเห็นของผู้ชี้ขาดการยุติการเล่นชั่วคราวนั้นไม่น่าจะทำให้ผู้เล่นหรือคู่เล่นฝ่ายตรงข้ามเสียเปรียบเกินควร<br />
22.2 การยุติการเล่นชั่วคราวจะไม่อนุญาตสำหรับความไม่พร้อมของร่างกายที่เกิดขึ้นในขณะแข่งขันหรือคาดว่าจะเกิดขึ้นก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น เช่น ความอ่อนเพลีย ตะคริว หรือความไม่สมบูรณ์ของผู้เล่น เหล่านี้จะไม่อนุญาตให้เป็นการยุติการเล่นฉุกเฉิน การยุติการเล่นฉุกเฉินจะยุติในกรณีที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุเท่านั้น เช่น การบาดเจ็บเนื่องจากหกล้ม<br />
22.3 ระหว่างการยุติการเล่นฉุกเฉิน ผู้ชี้ขาดอาจจะอนุญาตให้ผู้เล่นทำการฝึกซ้อมบนโต๊ะแข่งขันนั้นรวมไปถึงโต๊ะแข่งขันอื่นๆ ได้<br />
<br />
<b>23. การแนะนำผู้เล่นหรือการสอนผู้เล่น</b><br />
23.1 ในการแข่งขันประเภททีม ผู้เล่นจะได้รับคำแนะนำหรือการสอนจากใครก็ได้ แต่ในการแข่งขันประเภทบุคคลผู้เล่นหรือคู่เล่นจะได้รับการสอนจากบุคคลใดบุคคลหนึ่งเท่านั้น ซึ่งจะต้องแจ้งให้ผู้ตัดสินทราบก่อนการแข่งขัน ถ้าบุคคลที่ไม่มีหน้าที่ที่ได้รับการแต่งตั้งมาทำการสอน ผู้ตัดสินจะใช้ใบแดงไล่บุคคลนั้นออกจากบริเวณพื้นที่แข่งขัน<br />
23.2 ผู้เล่นจะได้รับการสอนในระหว่างหยุดพักระหว่างจบเกม หรือระหว่างช่วงหยุดพักการเล่นชั่วคราวที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น หากมีบุคคลสอนผู้เล่นในขณะแข่งขัน ผู้ตัดสินจะใช้ใบเหลืองและเตือนบุคคลนั้นไม่ให้กระทำเช่นนั้นอีก และแจ้งให้ทราบว่าในครั้งต่อไปจะให้ออกจากบริเวณพื้นที่แข่งขัน<br />
23.3 หลังจากผู้ตัดสินได้เตือนแล้ว หากมีบุคคลในทีมหรือบุคคลอื่นที่ทำการสอนอย่างผิดกติกาอีก ผู้ตัดสินจะใช้ใบแดงไล่ออกจากพื้นที่การแข่งขันไม่ว่าเขาจะเป็นผู้ถูกเตือนมาก่อนหน้านั้นหรือไม่ก็ตาม<br />
23.4 ในการแข่งขันประเภททีม ผู้สอนที่ถูกไล่ออกจากพื้นที่แข่งขันจะไม่สามารถกลับเข้ามาได้อีก จนกระทั่งจบการแข่งขันประเภททีม ยกเว้นเขาผู้นั้นต้องลงทำการแข่งขัน สำหรับประเภทบุคคลผู้สอนไม่สามารถกลับเข้ามาได้อีกจนกระทั่งจบการแข่งขันแมทซ์นั้น<br />
23.5 ถ้าผู้สอนปฏิเสธที่จะออกจากพื้นที่การแข่งขัน หรือกลับเข้ามาในพื้นที่การแข่งขันก่อนที่การแข่งขันจะเสร็จสิ้น ผู้ตัดสินจะยุติการเล่นและรายงานต่อผู้ชี้ขาดทันที<br />
<br />
<b>24. ความประพฤติ</b><br />
24.1 ผู้เล่นและผู้ฝึกสอน จะต้องไม่ทำกติกาหรือความประพฤติที่ไม่ดีอันจะมีผลต่อฝ่ายตรงข้ามหรือผู้ชม หรือทำให้เกมการแข่งขันเกิดความเสียหาย ความประพฤติดังกล่าว เช่น จงใจทำให้ลูกแตก,เคาะโต๊ะด้วยไม้เทเบิลเทนนิส,พูดคำหยาบ หรือจงใจตะโกนด้วยเสียงดังอันควร, แกล้งตีลูกเทเบิลเทนนิสให้ออกจากพื้นที่แข่งขัน หรือการไม่เคารพเชื่อฟังผู้ตัดสินและเจ้าหน้าที่ ตลอดจนละเมิดข้อบังคับในการสอนผู้เล่นระหว่างการแข่งขัน<br />
24.2 เมื่อผู้ตัดสินได้พิจารณาแล้วเห็นว่าผู้เล่นหรือผู้ฝึกสอนทำความประพฤติไม่ดีดังกล่าว ผู้ตัดสินจะให้ใบเหลืองและเตือนถึงการลงโทษหากยังกระทำอยู่อีก สำหรับในประเภทคู่ การเตือนผู้เล่นคนหนึ่งหมายถึงมีผลต่อทั้ง 2 คนด้วย<br />
24.3 หลังจากที่ได้รับการเตือนแล้ว ถ้าผู้เล่นยังกระทำลักษณะดังกล่าวอีกหรือลักษณะอื่นๆ อีก ผู้ตัดสินจะให้ 1 คะแนนแก่ฝ่ายตรงข้าม หลังจากนั้นหากยังกระทำอยู่อีกผู้ตัดสินจะให้คะแนน 2 คะแนนแก่ฝ่ายตรงข้าม ซึ่งในการให้คะแนนแต่ละครั้งผู้ตัดสินจะใช้ใบเหลืองและใบแดงชูขึ้นพร้อมกัน ทั้งนี้ยกเว้นกรณี 24.5<br />
24.4 หลังจากผู้แนะนำหรือผู้สอนได้รับการเตือนแล้ว แต่ยังกระทำอยู่อีก ผู้ตัดสินจะไล่เขาออกจากพื้นที่โดยใช้ใบแดง ซึ่งเขาจะกลับมาไม่ได้จนกว่าการแข่งขันในประเภททีมนั้นได้เสร็จสิ้นลงหรือจบการแข่งขันในคู่นั้นสำหรับประเภทบุคคล ทั้งนี้ยกเว้นกรณีข้อ 24.5<br />
24.5 ถ้าผู้เล่นได้ถูกลงโทษในเรื่องเกี่ยวกับความประพฤติโดยให้คะแนนแก่ฝ่ายตรงข้าม 2 ครั้งแล้วแต่ยังกระทำอยู่อีก หรือเมื่อใดก็ตามที่ผู้เล่นหรือผู้สอนทำการละเมิดอย่างร้ายแรง ผู้ตัดสินจะยุติการเล่นและรายงานต่อผู้ชี้ขาดทันที<br />
24.6 ผู้ชี้ขาดอาจจะใช้มาตรการทางวินัยแก่ผู้เล่นภายใต้ดุลยพินิจของเขาสำหรับความประพฤติที่ไม่สมควร ก้าวร้าว ฯลฯ โดยอาจจะไล่ผู้เล่นออกจากแมทซ์การแข่งขันในประเภทนั้นๆ หรือการแข่งขันทั้งหมดโดยการใช้ใบแดง แม้ว่าผู้ตัดสินจะรายงานให้ทราบหรือไม่ก็ตาม<br />
24.7 ถ้าผู้เล่นถูกไล่ออก 2 ครั้งในประเภททีม หรือ 2 ครั้งในประเภทบุคคลในแมทซ์นั้น ผู้เล่นจะถูกออกจากการแข่งขันในประเภททีมหรือประเภทบุคคลในแมทซ์นั้นโดยอัตโนมัติ<br />
24.8 ถ้าพบว่าผู้เล่นได้เปลี่ยนไม้เทเบิลเทนนิสของเขาในระหว่างการเล่นโดยไม่แจ้งให้ผู้ตัดสินและฝ่ายตรงข้ามทราบ ผู้ตัดสินจะยุติการเล่นและรายงานต่อผู้ชี้ขาดทันที ในโอกาสแรกผู้ชี้ขาดจะเตือนผู้เล่น หากยังกระทำอีกจะถูกปรับเป็นแพ้โดยผู้ชี้ขาด<br />
<br />
<b>25. การแข่งขันประเภททีม</b><br />
25.1 ในการแข่งขันประเภททีมจะทำการแข่งขันแบบ SWAYTHLING CUP หรือ CORBILLON CUP หรือระบบอื่นๆ ซึ่งจะต้องระบุลงในระเบียบการแข่งขันนั้นๆ<br />
25.2 การแข่งขันแบบ SWAYTHLING CUP จะต้องประกอบด้วยผู้เล่น 3 คน โดยก่อนการแข่งขันหัวหน้าทีมจะต้องมาจับฉลากเสี่ยงว่าทีมใดจะได้ทีม A,B,C หรือ X,Y,Z<br />
25.2.1) ลำดับการแข่งขันแบบ SWAYTHLING CUP มีดังนี้<br />
คู่ที่ 1 A - X <br />
คู่ที่ 2ฺ B – Y<br />
คู่ที่ 3 C – Z<br />
คู่ที่ 4 A – Y<br />
คู่ที่ 5 B – X<br />
25.2.2) การแข่งขันแต่ละคู่จะแข่งขันรู้ผลแพ้ชนะ 2 ใน 3 เกม และทีมแมทซ์จะถือผลแพ้ชนะ 3 ใน 5 คู่<br />
25.3 การแข่งขันแบบ CORBILLION CUP จะประกอบด้วยผู้เล่น 2 , 3 หรือ 4 คน โดยก่อนการแข่งขันหัวหน้าทีมจะต้องมาจับฉลากเสี่ยงว่าทีมใดจะได้ทีม A,B,C หรือ X,Y,Z<br />
25.2.1) ลำดับการแข่งขันแบบ CORBILLION CUP มีดังนี้<br />
คู่ที่ 1 A – X<br />
คู่ที่ 2 B – Y<br />
คู่ที่ 3 ประเภทคู่<br />
คู่ที่ 4 A – Y<br />
คู่ที่ 5 B – X<br />
25.3.2) การแข่งขันแต่ละคู่จะเป็นการแข่งขันประเภทเดี่ยว ยกเว้นในคู่ที่ 3 เป็นการแข่งขันประเภทคู่ ซึ่งประเภทคู่นี้จะส่งรายชื่อหลังจากการแข่งขันประเภทเดี่ยวคู่ที่ 2 เสร็จสิ้นลงแล้วก็ได้ โดยจะต้องเป็นผู้เล่นที่มีชื่ออยู่ในทีม<br />
25.3.3) การแข่งขันแต่ละคู่จะแข่งขันรู้ผลแพ้ชนะ 2 ใน 3 เกม และทีมแมทซ์จะถือผลแพ้ชนะ 3 ใน 5 คู่<br />
25.3.4) เมื่อจบการแข่งขันในแต่ละคู่ ผู้เล่นจะสามารถหยุดพักได้ไม่เกิน 5 นาที<br />
<br />
<b>26. การแข่งขันแบบแพ้คัดออก</b><br />
26.1 จำนวนตำแหน่งของระบบการแข่งขันแพ้คัดออกจะต้องมีจำนวนเป็น 2 เท่า เช่น 2 , 4 , 8 , 16 , 32 เป็นต้น<br />
26.2 ถ้าจำนวนผู้เล่นมีน้อยกว่าตำแหน่ง ให้ใส่ ชนะผ่าน (BYE) เพิ่มเข้าไปในรอบแรก<br />
26.3 ถ้าจำนวนผู้เล่นมีมากกว่าตำแหน่ง ให้ใส่รอบคัดเลือก (QUALIFIERS) <br />
26.4 การชนะผ่าน (BYE) หรือการคัดเลือก (QUALIFIERS) จะต้องกระจายอยู่อย่างสม่ำเสมอ โดยการชนะผ่าน (BYE) จะต้องอยู่กับมือวางอันดับแรก<br />
26.5 การวางมืออันดับ<br />
26.5.1) ผู้เล่นที่มีฝีมือดีตามอันดับจะต้องถูกวางตัวเพื่อไม่ให้พบกันก่อนที่จะถึงรอบสุดท้ายของการแข่งขัน<br />
26.5.2) ผู้เล่นที่มีจากสโมสรเดียวกันจะถูกจับแยกกันให้แยกกันให้ห่างที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อไม่ไห้พบกันก่อนที่จะถึงรอบสุดท้ายของการแข่งขัน<br />
26.5.3) ผู้เล่นมือวางอันดับ 1 จะถูกจัดให้อยู่บนสุด ผู้เล่นมืออันดับ 2 ถูกจัดให้อยู่ล่างสุด ผู้เล่นมือวางอันดับ 3 - 4 จะจับฉลากระหว่างผู้เล่นมือ 1 - 2<br />
26.5.4) ผู้เล่นมือวางอันดับ 5 – 8 จะจับฉลากอยู่ระหว่างผู้เล่นตามข้อ 26.5.3<br />
26.5.5) ผู้เล่นมือวางอันดับ 9 – 16 จะจับฉลากอยู่ระหว่าง ผู้เล่นตามข้อ 26.5.4 ตามลำดับ<br />
<br />
<b>27. กำหนดการแข่งขัน</b><br />
27.1 ในการแข่งขันระดับภายในประเทศ ผู้เล่นจะต้องทำการแข่งขันตามที่กำหนด หากเลยเวลาแข่งขันให้ปรับเป็นแพ้โดยผู้ชี้ขาด ดังนี้<br />
27.1.1) ประเภทบุคคล ให้เวลา 5 นาที นับจากกำหนดเวลาแข่งขัน หรือหากเลยกำหนดเวลาแข่งขันแล้วให้นับจากเวลาที่เรียกลงทำการแข่งขัน<br />
27.1.2) ประเภททีม ให้เวลา 15 นาที นับจากกำหนดเวลาแข่งขันหรือหากเลยกำหนดเวลาแข่งขันแล้วนับจากเวลาที่เรียกมาจับฉลาก คือโดยจะต้องมีผู้เล่นอย่างน้อย 2 คนในการแข่งขันระบบ CORBILLION CUP และจะต้องมีผู้เล่นอย่างน้อย 3 คน ในการแข่งขันระบบ SWAYTHLING CUP<br />
27.2 เวลาที่ระบุไว้ตามข้อ 27.1.1 , 27.1.2 นี้ อาจอนุญาตขยายออกไปได้โดยการอนุญาตของผู้ชี้ขาด<br />
<br />
<b>28. การคิดคะแนนในการแข่งขันแบบวนพบกันหมด</b><br />
28.1 ในการแข่งขันแบบวนพบกันหมด ผู้เล่นหรือทีมภายในกลุ่มนั้นต้องแข่งขันพบกันทุกทีมโดยผู้ชนะ จะได้ 2 คะแนน ผู้แพ้จะได้ 1 คะแนน และผู้ที่ไม่แข่งขันหรือแข่งขันไม่เสร็จสิ้น จะได้ 0 คะแนน และการจัดอันดับจะดูผลจากคะแนนแมทซ์นี้เป็นอันดับแรก<br />
28.2 ถ้าผู้เล่น / ทีมที่มีคะแนนแมทซ์เท่ากันตั้งแต่ 2 คน / ทีมขึ้นไป การจัดอันดับให้ดูผลการแข่งขันเฉพาะคน / ทีม ที่มีคะแนนเท่ากันเท่านั้น โดยใช้ผลแพ้ชนะของบุคคล (สำหรับประเภททีม) เกม หรือ คะแนน ตามลำดับจนกว่าจะได้ข้อยุติ ซึ่งวิธีการคิดคะแนนในแต่ละขั้นตอนให้ใช้คะแนนได้ หารด้วยคะแนนเสีย<br />
28.3 ในการคิดคะแนนตามขั้นตอนหากมีหนึ่งหรือมีมากกว่าหนึ่งในกลุ่มนั้นแสดงผลต่างขณะที่ส่วนอื่นๆ ยังมีคะแนนเท่ากันอยู่ ผลการแข่งขันของผู้ที่เท่ากันนั้นจะถูกคำนวณย่อยต่อไปตามลำดับ คือ ผลบุคคล (สำหรับประเภททีม)จำนวนเกม คะแนนในเกม<br />
28.4 หากคิดคะแนนตามข้อ 28.1 , 28.2 และ 28.3 แล้วยังมีคะแนนเท่ากันอีกให้ใช้วิธีการจับฉลาก </div>
<div align="left">
<br />
1. โต๊ะเทเบิลเทนนิส</div>ปิงปองhttp://www.blogger.com/profile/00451199128282604917noreply@blogger.com0